ประวัติลามะเนปาล ฉายาบุดดา บอย จากผู้นำทางจิตวิญญาณ สู่ผู้ต้องหาคดีข่มขืน

ประวัติลามะเนปาล ฉายาบุดดา บอย จากผู้นำทางจิตวิญญาณ สู่ผู้ต้องหาคดีข่มขืน

ประวัติลามะเนปาล ฉายาบุดดา บอย จากผู้นำทางจิตวิญญาณ สู่ผู้ต้องหาคดีข่มขืน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประวัติลามะเนปาล ฉายาบุดดา บอย จากผู้นำทางจิตวิญญาณที่ถูกเรียกขานว่าเป็น พระพุทธเจ้าน้อย สู่ผู้ต้องหาคดีข่มขืนสาวกวัย 15 

ราม พหาทุร พามชาน หรือ รามบาฮาร์ดู บอมจัน หรือ ลามะปัลเดน ดอร์เจ หรือที่คนไทยรู้จักในนาม ลามะเนปาล เป็นบุคคลที่ถูกกล่าวขานว่าเขาสามารถนั่งสมาธิ โดยไม่กินอะไรเลยได้เป็นระยะเวลาถึง 6 ปี ตั้งแต่ปี 2548

เด็กหนุ่มเนปาลคนหนึ่ง ที่อดข้าวอดน้ำเพื่อนั่งบำเพ็ญเพียรสมาธิตลอดโดยไม่ได้ขยับตัวไม่ยอมลุกไปไหน ไม่แม้แต่จะทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือขับถ่ายเหมือนคนทั่ว ๆ ไป ซึ่งเรื่องราวของเขากลายเป็นที่สนอกสนใจของคนทั่วโลกประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมากราบไหว้ และเชื่อว่าเขาเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด จนได้ฉายา บุดดา บอย 

ประวัติ ลามะปัลเดน ดอร์เจ 

พี่ชายของลามะปัลเดน ดอร์เจ ได้เปิดเผยเรื่องราวของลามะให้ฟังว่า ลามะเกิดเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2533 เรียนหนังสือแค่ชั้น ป.4 เท่านั้น หลังจากนั้นก็หันมาเรียนสายธรรมะแทน มีนิสัยชอบเก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว ไม่ทานเนื้อสัตว์ตั้งแต่เด็ก พูดน้อย และชอบนั่งสมาธิ ซึ่งตอนเด็ก ๆ ลามะชอบเดินออกไปไกล ๆ แต่ไม่ได้ออกไปเล่นเหมือนคนอื่น ๆ มักจะพบลามะที่ใต้ต้นโพธิ์เสมอ

มีอยู่วันหนึ่งเขาหายไปตัวตั้งแต่เช้า ก่อนออกจากบ้านลามะก็ได้บอกกับแม่ว่า ให้เลิกเลี้ยงสัตว์ และปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระเสีย จากนั้นวันนั้นทั้งวันก็ไม่ได้เห็นลามะอีกเลย เมื่อตนเดินไปหายังต้นโพธิ์ที่ลามะมักจะนั่งสมาธิอยู่บ่อย ๆ ก็ไม่พบ จนกระทั่งมีคนมาบอกว่าเห็นลามะอาบน้ำอยู่ที่ลำธาร เมื่อไปถึงลามะก็ไม่ยอมกลับบ้านบอกว่า แค่อยากมาอาบน้ำคนเดียว และขอนั่งสมาธิตรงนี้ถึงสองทุ่มแล้วจะกลับไป โดยให้ตนเอาของที่จำเป็นกลับมาให้ด้วย

พี่ชายของลามะ เล่าต่อว่า หลังจากนั้นเขาก็ไม่กลับบ้านอีกเลย เขาบอกว่าไม่อยากลุกไปไหน อยากนั่งสมาธิตรงต้นโพธิ์แห่งนี้เพียงอย่างเดียว ซึ่งการปฏิบัติสมาธิในครั้งนั้น เขานั่งติดต่อกันยาวนานถึง 10 เดือน โดยที่ไม่ลุกไปไหน หรือรับประทานอะไรเลย สร้างความฮือฮาแก่ผู้ที่พบเห็น กลายเป็นเรื่องที่สนอกสนใจของชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก

ข่าวของลามะหนุ่มชาวเนปาลได้เผยแพร่ไปทั่วโลก หลายคนได้เดินทางไปยังต้นโพธิ์แห่งนั้นเพื่อพิสูจน์ด้วยตาตนเอง เพราะว่าการปฏิบัติสมาธิเช่นนี้เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าได้เคยทำไว้เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีเด็ก ๆ และคนที่ไม่เชื่อคอยยุแหย่ หรือเอาไม้ไปจี้ แต่ลามะก็นั่งสำรวมนั่งสมาธิอยู่อย่างสงบ และการปฏิบัติธรรมของลามะก็ถูกพิสูจน์จากกล้องวิดีโอที่บันทึกภาพไว้ตลอด 24 ชั่วโมง มีภาพเหตุการณ์ที่เพลิงไฟลุกโชติช่วงไปทั่วอาสนะของลามะ แต่ลามะทำแค่เพียงยืนอยู่เฉย ๆ จากนั้นเพลิงไฟดังกล่าวก็ดับหายไป โดยลามะไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ หรือลุกเดินออกมาจากอาสนะเลย

เรื่องจริงผ่านจอได้สัมภาษณ์

เมื่อช่วงปี 2558 รายการ เรื่องจริงผ่านจอ ได้รับการติดต่อให้ไปเข้าสัมภาษณ์ลามะ หลังจากที่เพียรขอสัมภาษณ์มาหลายครั้ง โดยทางรายการได้ตั้งคำถามไปถามเพื่อไขข้อข้องใจอย่างมากมาย แต่ตำถามก็ถูกตัดให้เหลือเพียง แค่ 2 คำถามเท่านั้น โดยคำถามแรกถามว่า

จุดประสงค์อะไรที่ลามะนั่งสมาธิโดยไม่รับประทานอาหาร และชาวบ้านสามารถปฏิบัติตามได้หรือไม่ ลามะกล่าวตอบว่า จุดประสงค์ในการนั่งสมาธิครั้งนี้เพื่อประกาศสันติภาพให้กับชาวโลก ที่ตนไม่รับประทานอาหารนั้น เป็นเพราะว่า ไม่อยากเบียดเบียนสัตว์ อยากช่วยเหลือสัตว์โลก และอยากเป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนเรื่องที่ตนนั่งสมาธินั้นเป็นเรื่องง่าย ๆ ธรรมดาที่ใครก็สามารถทำได้

คำถามที่สองถามว่า ใครคือครูบาอาจารย์ของท่านลามะ และอยากจะฝากความรู้อะไรหลังนั่งสมาธิครบ 6 ปี และจะเผยแพร่ความรู้เมื่อไหร่ ลามะกล่าวว่า พระโพธิสัตว์ให้ปัญญา ต่อไปตนจะได้เห็นพระพุทธเจ้าและจะได้ปฏิบัติตามคำสอน ตนไม่รู้ว่านั่งสมาธิไปนานเท่าไร วันเวลาผ่านไปเท่าไรตนไม่รู้เลย เหมือนลืมวันลืมคืน ตนฝึกปฏิบัติสมาธิมายาวนาน มีความรู้ และปัญญา มากขึ้น ทั้งนี้เพื่อจะนำความรู้ที่ได้ดังกล่าวไปสู่สันติภาพให้กับชาวโลก ส่วนประสบการตนได้ความรู้ที่มากขึ้น

จากเดิมตนมีจุดมุ่งหมายเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ตอนนี้ตนจะสร้างบุญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ เพื่อจะได้เห็นพระพุทธเจ้า และจะได้นำเอาคำสอนมาสู่ชาวโลก พร้อมกล่าวด้วยว่า "อย่าเอาเราไปเทียบกับพระพุทธเจ้า เพราะพระพุทธเจ้าท่านสูงส่งกว่า บริสุทธิ์กว่า เราแค่นั่งสมาธิ"

ผู้ต้องสงสัยคดีลักพาตัวสาวก

ต้นปี 2562 ครอบครัวของลูกศิษย์ 4 คน เข้าแจ้งความว่าสมาชิกในครอบครัวหายไป หลังเข้าไปในอาศรมของลามะปัลเดน ดอร์เจขณะที่ตำรวจระบุว่า ยังอยู่ในกระบวนการเริ่มต้นการสอบสวนเท่านั้น และยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้มากกว่านี้ 

ซึ่งก่อนหน้านั้นในปี 2561 ลามะปัลเดน ดอร์เจ ก็เคยตกเป็นข่าวล่วงละเมิดทางเทศมาแล้ว โดยแม่ชี วัย 18 ปีคนหนึ่งเข้าแจ้งความว่าถูกเขาข่มขืนในอาศรม ตามข่าวบอกว่าตั้งแต่อายุ 15 เพียงแต่เธออายุยังไม่ถึงเกณฑ์จะฟ้องเขาได้ ทางตำรวจจึงยังไม่ได้ตั้งข้อหาข่มขืน แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป นอกจากนี้ ยังมีเรียกร้องร้องเรียนอีกนับสิบครั้งในคดีทำร้ายร่างกาย ซึ่งเขาให้เหตุผลว่า เพราะคนเหล่านี้มาก่อกวนเขาในเวลากำลังทำสมาธิ

อุมา ประสาท จตุรเพท แห่งสำนักงานสืบสวนกลางของเนปาล เผยกับหนังสือ พิมพ์ Kathmandu Post ว่า เจ้าหน้าที่ทำการขุดค้นหาหลักฐานในที่ดินแถบป่าใกล้กับอาศรม หลังจากได้รับเบาะแสมาว่า สาวกที่หายตัวไปอาจกลายเป็นศพไปแล้ว ทว่า ยังไม่พบหลักฐานอะไร

ตกเป็นผู้ต้องหาคดีข่มขืน

ตามรายงานของสำนักงานสืบสวนกลาง ระบุว่า ราม พหาทุร พามชาน ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา จากบ้านของเขาในพื้นที่กาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล พร้อมใส่กุญแจมือ และแถลงต่อหน้าสื่อมวลชน โดยมีการเปิดเผยว่าเขาพยายามหลบหนีโดยการกระโดดจากหน้าต่างชั้น 2 เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่สำเร็จ

ราม พหาทุร พามชาน ถูกจับกุมด้วยข้อหาข่มขืนผู้เยาว์วัย 14 ปี ที่อาศรมในเมืองซาร์ลาฮี ทางตอนใต้ของเมืองหลวง รวมทั้งข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดและการประพฤติมิชอบย้อนหลังไปกว่า 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2553 เขาถูกยื่นฟ้องหลายสิบครั้งเกี่ยวกับการทำร้ายร่างกาย มีการระบุว่า เขาทุบตีเหยื่อซึ่งเป็นผู้ติดตาม ทั้งยังมีแม่ชีวัย 18 ปี อ้างว่าถูกเขาข่มขืนที่วัดแห่งหนึ่ง เมื่อปี 2561 และในปีถัดมา มีรายงานว่าสาวก 4 รายของเขา หายตัวไปจากอาศรมแห่งหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่ทราบชะตากรรม

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook