เฉลิมชัย” แจง “เฮียเก้า” ไม่ใช่น้องคนละแม่ ย้ำไม่เกี่ยวข้องกลุ่มลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน

เฉลิมชัย” แจง “เฮียเก้า” ไม่ใช่น้องคนละแม่ ย้ำไม่เกี่ยวข้องกลุ่มลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน

เฉลิมชัย” แจง “เฮียเก้า” ไม่ใช่น้องคนละแม่ ย้ำไม่เกี่ยวข้องกลุ่มลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“เฉลิมชัย” แจง “เฮียเก้า” ไม่ใช่น้องคนละแม่ ลั่นใครทำผิดก็ต้องรับโทษ ยันไม่ปกป้องคนเอี่ยวหมูเถื่อน ไม่เคยรับเงินสกปรก ขอให้เอาความจริงมาพูดกัน อย่าเอาการเมืองมาโยง

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะพนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายจับขบวนการนำเข้าเนื้อหมูเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และได้นำออกไปจำหน่ายตามท้องตลาด ซึ่งรวมถึงนายหลี่ เซิ่งเจียว หรือ เฮียเก้า นายกสมาคมการค้าแลกเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย-เอเชีย ที่มีรายงานว่าเป็นน้องชายต่างมารดาของนายเฉลิมชัยว่า นายหลี่ เซิ่งเจียว เป็นพี่น้องต่างมารดากับตนนั้น เป็นเรื่องเท็จ เพราะบิดาของตนอยู่ในประเทศไทยมานาน 80 กว่าปีแล้ว

โดยหลังจากที่บิดาของตนมาอยู่เมืองไทยแล้ว ก็ไม่เคยกลับไปประเทศจีนอีกเลย แล้วเขาจะไปมีลูกที่จีนได้อย่างไร โดยเป็นกรณีของครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนทั่วไปที่มีญาติอยู่ในจีน และญาติชาวจีนก็สามารถมาทำธุรกิจในไทยได้ ซึ่งถ้าเขาทำผิด ก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย นอกจากนี้ ตนไม่รู้จักบ้านของนายหลี่

รวมถึงไม่เคยไปบ้านและที่ทำงานของเขาด้วย ส่วนกรณีที่เคยเจอกันในงานนั้น ก็เป็นเพราะตนได้รับเชิญให้ไปร่วมงานในโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนักธุรกิจและข้าราชการมาร่วมงานจำนวนมาก และมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เราจะรู้ได้ทั้งหมดว่าใครทำอะไร อย่างไรบ้าง

ส่วนบุตรชายของนายหลี่ คือ นายกรินทร์ ปิยพรไพบูลย์ ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับนายวิรัช ปิยพรไพบูลย์ พี่ชายของนายเฉลิมชัย และนายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ และเป็นหลานชายของนายเฉลิมชัยนั้น นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนรู้แค่ว่าเป็นการมาขอใช้นามสกุล แต่ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องนี้

นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ชีวิตของตนไม่เคยเอื้อผลประโยชน์ให้กับคนพวกนี้ ไม่เคยรับเงินสกปรกทั้งต่อหน้าและลับหลัง เพราะในชีวิตของตนเกลียดการทุจริตคอร์รัปชั่น ดังนั้น ถ้าเป็นการกระทำความผิดของใคร บุคคลนั้นต้องรับโทษและเข้าสู่กระบวนยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตัวเองต่อไปในชั้นศาล ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับการยกเว้น ซึ่งตนไม่เคยปกป้องคนที่ทำผิดอยู่แล้ว โดยบอกกับคนใกล้ชิดและข้าราชการแล้วว่าถ้ามีใครทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ตนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือปกป้องเด็ดขาด

ทั้งนี้ ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้าคนทำผิด เป็นญาติหรือคนสนิทของตน เขาก็ต้องรับโทษ ไม่ปกป้องอยู่แล้ว ขอให้เอาความจริงมาพูดกัน อย่าเอาประเด็นทางการเมืองมาโยง มันไม่มีประโยชน์ วันนี้การที่เรารู้จักใครสักคน มันไม่มีทางที่เราจะรู้ได้หมดว่าแต่ละคนที่เรารู้จักนั้น เขาทำอะไรบ้าง แม้กระทั่งญาติพี่น้อง บางคนก็ยังไม่รู้ว่าพี่น้องที่อยู่บ้านเดียวกัน ทำธุรกิจอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นใครทำอะไรไป ก็ต้องรับผลของการกระทำตรงนั้น ถ้าเขาไม่ได้ทำผิด ก็ต้องต่อสู้คดี แต่ถ้าทำผิด เขาก็ต้องรับโทษ ตนเชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริง ขอฝากบอกถึงทุกคนได้เลยว่าขอให้เชื่อเถอะว่ากฎแห่งกรรมมีจริง

นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า ตนสามารถชี้แจงทุกอย่าง และสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและาหกรณ์นั้น ตอนที่ปรากฏข่าวพบการลักลอบนำเข้าเนื้อหมูเข้ามา ตนได้สั่งการอธิบดีกรมปศุสัตว์ว่า ห้ามปล่อยเนื้อหมูเหล่านั้นออกจากท่าเรือหรือสถานที่ต่างๆ ต้องไม่มีการเคลียร์หรือยินยอมให้นำเนื้อหมูดังกล่าวออกมา ถ้าถูกนำเข้ามาอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย คำสั่งนี้ของตน จึงเป็นที่มาของการอายัดเนื้อหมู 100 กว่าตู้

ซึ่งสามารถไปสอบถามเรื่องคำสั่งนี้จากข้าราชการของกระทรวงฯได้เลย ขณะที่ทางกระทรวงฯ ได้มีการจับกุม อายัด และทำลายเนื้อหมูเถื่อนแล้ว ส่วนจะมีข้าราชการคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว ก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตน ตอนนี้ให้ทุกอย่างว่ากันไปตามกระบวนการ แต่ถ้ามีใครมาทำอะไรให้ตนได้รับความเสียหาย ก็จะดำเนินตามกฎหมายต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook