เมจิ-แมน เตียงหัก หลังแต่งไม่ถึง2ปี

เมจิ-แมน เตียงหัก หลังแต่งไม่ถึง2ปี

เมจิ-แมน เตียงหัก หลังแต่งไม่ถึง2ปี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เตียงหัก เมจิ เปิดปากแยกทาง แมน หลังแต่งไม่ถึง 2 ปี รับแยกกันอยู่มาเกือบปีแล้ว บอกสาเหตุเลิก ไม่ใช่ฝ่ายชายแอบกิ๊ก น.ศ. แต่อ้างไปกันไม่ได้ ปัดมีมือที่ 3

ปิดฉากรักหวาน 10 ปี ไปแบบช็อกวงการ สำหรับคู่ของ เมจิ - อโณมา ศรัณย์ศิขรินทร์ กับ แมน - ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์ หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า ฝ่ายชายแอบซุกกิ๊กเป็นนักศึกษา ล่าสุดเมื่อคืนของวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา เมจิ ได้เปิดใจหลังเดินทางมาอัดรายการ "คุยแหกโค้ง" ทางช่องทรูวิชั่นว่า ความจริงนั้น ได้แยกทางกับ แมน - ศุภกิจ มาระยะหนึ่งแล้ว ก่อนที่จะมีข่าว โดยกล่าวว่า เป็นเหตุผลของคน 2 คน ที่ตกลงกันมานานแล้ว ไม่ใช่มือที่ 3 ที่เป็นปัญหาใหญ่

"จริงๆ เมจิ เองไม่ได้จะมาบอกนะ เพราะปกติคนก็จะเห็นว่า เมจิไปไหน ก็จะต้องมีพี่แมนไปด้วยตลอด เราติดกันเป็นปลาท่องโก๋ แต่พักหลังจะเห็นว่า เมจิลุยเดี่ยว พี่แมนลุยเดี่ยวตลอด เพราะฉะนั้นคนก็ต้องถามแน่นอนว่า อ้าว...แมนไปไหน เราก็จะตอบว่า แยกทางกัน เพราะเมจิ คงจะไม่มีแรง ที่จะไปนั่งบอกทุกคนว่า เราแยกทางกันแล้ว จนวันนี้ที่พี่ๆ มาถาม เมจิ ก็เลยบอก แต่เราไม่ได้เลือกวันไม่ได้เรื่องอะไรเลยว่า จะบอกตอนไหน ใครถามก็บอก ใครไม่ถามก็ไม่ได้บอกอะไร ให้เขารับรู้ของเขาไปเอง เพราะเรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าป่าวประกาศให้ดังมากนัก

เราแยกทางกันมาได้สักพักนึงแล้วค่ะ สาเหตุมาจากการที่เรามีความคิดนโยบายบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน และอีกสาเหตุนึงเป็นเรื่องของเรา มีความรู้สึกเป็นพี่เป็นน้องกันมาได้สักระยะนึง เพราะฉะนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องออกมาในสถานะแบบพี่น้อง ดีกว่าในสถานะของสามีภรรยา ประเด็นมือที่ 3 ที่เป็นข่าวนั้น คงไม่ได้มีอิทธิพลมาก ถึงทำให้เราต้องเลิกกัน ซึ่งในข่าวบอกว่า พี่แมนไม่ได้มีแค่กิ๊ก แต่มีเป็นตัวเป็นตน อันนั้น ก็ตามที่เป็นข่าวแต่ความเป็นจริงไม่ใช่ จะให้ยืนยันแทนเขาไหม เมจิว่า คงต้องไปถามทางเขาเองจะดีกว่า อย่างที่เคยบอกว่า ตัวเมจิเองเมื่อเวลามีปัญหาอะไร จะเป็นคนที่ไม่ฟังคนอื่น หรือแม้ใครจะมาเล่าอะไรให้ฟัง เมจิจะไม่รับฟัง เพราะคำตอบที่แท้จริงมันอยู่ที่ตัวเขา ซึ่งคุณแมนเอง เป็นคนที่ไม่เคยโกหกเมจิ เขาจะพูดความจริงกับเราอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นปัญหาเรื่องมือที่ 3 ถือเป็นสาเหตุส่วนน้อย

เขาอยู่ในวงการบันเทิงมาก่อน เพราะฉะนั้นมีอะไรต้องปรึกษากันแน่นอน เหมือนพันธมิตร ส่วนอนาคตของเมจิ คือ อยากจะก้าวหน้าในเรื่องของธุรกิจการงาน สอง คือ อยากกลับมาทำงานในวงการบันเทิงอีกครั้ง ซึ่งทุกคนเข้าใจไปว่า แต่งงานแล้วเมจิ ไม่รับงานเลย จริงๆ แล้วทุกคนเข้าใจกันผิด คิดว่าเมจิ จะไปเป็นแม่บ้าน จะไปมีลูก แต่จริงๆ ไม่เลย เมจิอยู่ในวงการนี้ ตั้งแต่อายุ 15 ปี เมจิก็ยังรักวงการนี้อยู่เหมือนเดิม แล้วก็อยากทำงานในวงการนี้ ประกอบกับทำงานธุรกิจของตัวเอง

ส่วนโอกาสที่จะกลับมาคบกันเหมือนเดิม ถ้าคบกันในฐานะของพี่น้องใช่ แต่ถ้าฐานะของสามีภรรยาไม่ใช่ค่ะ ไม่สามารถแล้ว ถ้าพี่แมนมาง้อขอคืนดี เรื่องนั้นก็คงเป็นเรื่องของเวลาที่จะบอกว่า มันจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เมจิยังตอบอะไรไม่ได้ นอกจากดูแลตัวเองในเรื่องของการพัฒนาตัวเองในเรื่องของการทำงาน ดูแลเอาใจใส่ครอบครัว แล้วก็หาอะไรเรียนรู้เพิ่มเติมมากกว่า

ถามเมจิว่า ตอนนี้พร้อมเปิดใจให้กับรักครั้งใหม่หรือยัง เมจิว่า ความรักเป็นเรื่องที่ดีค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีใครเข้ามา เพิ่งจะแยกทางเอง เดี๋ยวมีก็จะดูว่า เร็วเกินไป ยังก่อนค่ะ แต่ความรักเป็นเรื่องที่ดีแน่นอนเหมือนที่เมจิ เคยพูดว่า ความรักถ้าเรามองให้มันมีความสุข มันก็มีความสุข แต่ถ้าเรามองให้มันเป็นเรื่องที่เลวร้าย เป็นทุกข์ มันก็จะทุกข์ เพราะฉะนั้นแล้วอะไรที่เรามีความรัก จดจำแต่สิ่งที่ดีๆ มันจะทำให้เราเข้มแข็ง ถามว่าใช้เวลาไหม...ใช่ แต่ถามว่าต้องทำไหม...ต้องทำแน่นอน

เพราะฉะนั้นวันนี้ เมจิ ขอบอกว่า ถ้าเมจิรักเขา เมจิก็จะจำแต่สิ่งดีๆ ที่เขามีให้ เมจิ และเมจิ ก็ได้ให้สม่ำเสมอมา วันนี้เราแยกออกจากกันด้วยมิตรภาพ เรารักกันด้วยมิตรภาพ เราต้องจบลงด้วยมิตรภาพ เช่นกัน เมจิอยากให้พี่แมน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทุกอย่างที่มันผิดพลาดมา ก็ถือว่าลืมๆ มันไป อย่างที่บอกเราสองคนมีการให้อภัยซึ่งกันและกันอยู่เสมอ เมจิผิดพลาดอะไรพี่แมนก็ให้อภัยเมจิ พี่แมนผิดพลาดอะไรเมจิก็ให้อภัยพี่แมน นั่นคือสิ่งที่เราสองคนยึดมั่นมาโดยตลอด พี่แมนฝันอะไรขอให้ไปให้ถึง และขอให้เอาสติสัมปชัญญะที่เคยฝึกฝน และเคยทำบุญกุศลมาใช้ให้เต็มที่ แล้วก็ขอให้พี่แมนมีความเจริญก้าวหน้าในทุกๆ เรื่อง และถ้าพี่แมนจะมีครอบครัวใหม่ เมจิเองก็ยินดี มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว"

พี่แมน เป็นคนบอกหรือ เมจิเป็นคนถามเขาเรื่องนี้ แน่นอนว่า พี่แมนไม่เคยโกหกอะไรเมจิเลย เวลาที่เราถามอะไรเขา เขาจะพูดตรงๆ มีคนมาบอก หรือว่า เมจิเช็ก คือ อย่างที่บอกว่า ทุกอย่างพี่แมนไม่เคยโกหก แน่นอนชีวิตคู่มันเป็นเรื่องปกติ ที่เมื่อมีเรื่องแบบนี้เข้ามาจะต้องมีปัญหาแน่นอน แต่อย่างที่บอกว่า มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เราสามารถแก้ได้ และสามารถหาทางออกด้วยกันได้ทั้งคู่ แต่ปัญหาส่วนตัวมากกว่าที่
เป็นปัญหาใหญ่"

เรื่องที่บอกว่า พี่แมนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปมาก หลังจากแต่งงาน อันนี้คงเป็นเพียงเสียงลือเสียงเล่าอ้างไปเองมากกว่า เขายังเหมือนเดิม อย่างที่บอกว่า ปัญหานั้นเป็นเพราะพี่แมนไม่เคยปิดบัง เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ก็เลยคิดว่า ปัญหาคงจะเป็นเรื่องที่เราต้องมาช่วยกันแก้มากกว่าว่า เราจะเดินทางต่อแบบไหนกับสิ่งที่เจอในการดำเนินชีวิตคู่กัน คู่เราการทะเลาะกันรุนแรงเป็นเรื่องปกติ มันเป็นเรื่องปกติของชีวิตคู่ สามีภรรยาต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นเรื่องปกติ จริงๆ เราทะเลาะรุนแรงกันมาโดยตลอดเลยนะ แต่ไม่มีเรื่องลงไม้ลงมือ เรื่องแบบนี้ไม่มีเด็ดขาดเลย พี่แมนไม่ได้เป็นคนมีนิสัยแบบนั้น ถามว่าเสียใจไหม ที่ทุกอย่างออกมาเป็นแบบนี้ มันมีบ้าง แต่มันจะเสียใจมากกว่า ถ้าเรายังดำเนินการทุกอย่างต่อไปด้วยปัญหา เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เราทำ คือ ต้องทำอะไรที่เรามีความสุขด้วยกันทั้งคู่ เหมือนที่เราเคยดำเนินมาตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา อะไรที่เป็นความสุขของเราทั้งสองคน เรายินดีร่วมมือกันได้ เพราะฉะนั้นถ้าเราอยู่กันแล้วไม่มีความสุข นั่นคือ ความเสียใจมากกว่า แต่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุข คือการที่เราตัดสินใจแยกทาง นั่นคือทางออกที่ดี"

"ที่ทำใจได้ เป็นเพราะเราใช้สติปัญญา ที่เคยฝึกฝนปฏิบัติธรรมะเข้ามาช่วยได้เยอะมากกว่า ทุกอย่างมันเกิดขึ้นที่ใจ มันก็จบที่ใจของเรา ฉะนั้นเราอย่าจมอยู่กับความทุกข์ให้มันนานมาก เพราะชีวิตของเรายังต้องก้าวหน้าต่อไป มีอะไรที่เรายังต้องดูแลอีกเยอะ มีหลายคนที่เราต้องเป็นห่วง อย่างเช่นคุณพ่อคุณแม่หรือใครต่างๆอีกมากมาย ฉะนั้นแล้วเราไม่มีเวลาที่จะเศร้าอยู่นานอีกต่อไป ทุกวันนี้เราก็ยังคุยกันอยู่เหมือนเดิม ธุรกิจที่ทำพี่แมนก็คงเป็นที่ปรึกษาที่ดีมากกว่า มีอะไรก็เป็นที่ปรึกษาให้ เพราะหนึ่งเลยเราเริ่มต้นมาด้วยกันในลักษณะของการทำงาน

ตอนนี้ก็คงต้องดูแลรักษาใจของตัวเองมากขึ้น รักตัวเองให้มากขึ้น พัฒนาจิตใจตัวเองให้มากขึ้น ที่สำคัญเมจิก็ยังทำบุญทำกุศลเหมือนเดิม ทำจิตใจตัวเองให้เบาสบายอย่างที่ตัวเองเคยทำมา สำหรับหลายคู่ที่มีปัญหาแล้วอยากที่จะเข้มแข็ง เมจิมองว่า เราเองก็เป็นผู้หญิงปกติธรรมดาคนนึงไป แต่เมื่อไหร่ที่เรามีความเศร้า จงหาคุณค่าของตัวเองให้เจอ ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง

ใครที่มาทำให้เราเสียใจ ไม่ได้แปลว่าคุณจะมีคุณค่าลดน้อยลง ฉะนั้นเมื่อเวลาคุณเสียใจ คุณอย่าทำร้ายตัวเองให้นาน เมื่อวันนึงร้องไห้ ก็ร้องไห้ให้เต็มที่ แล้วลุกขึ้นมาทำตัวเองให้ดีที่สุด และอย่าลืมว่าเมื่อวันที่ทำตัวเองให้ดีที่สุดแล้ว อย่าย้อนกลับไปในอดีตที่ตัวเองเคยมีความทุกข์ ไม่อย่างนั้นเราจะมีแต่ความเจ็บเหมือนเดิม ปัจจุบันมันทำให้เรามีอนาคตที่สดใส มองตัวเองไปข้างหน้า อย่าย้อนกลับไปในอดีตอีก" เมจิ กล่าว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook