นายกฯ ส่งระดับบิ๊กคุยแดง! ยันไม่ใช้ พรก.ฉุกเฉิน

นายกฯ ส่งระดับบิ๊กคุยแดง! ยันไม่ใช้ พรก.ฉุกเฉิน

นายกฯ ส่งระดับบิ๊กคุยแดง! ยันไม่ใช้ พรก.ฉุกเฉิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี ถึง รร.แกรนด์ไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดลุ่มน้ำโขงแล้ว ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขง ที่รร.แกรนด์ไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการกร่วมรักษาความปลอดภัย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการกองทัพไท พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ที่มาดูแลมาตรการรักษาความปลอดภัย บริเวณสถานที่จัดการประชุมรักษาความปลอดภัยนั้น เป็นไปอย่างเข้มงวดโดยมี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้การต้อนรับ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมประชุมวิชาการนานาชาติโดยทันที ที่เดินทางมาถึงโดยที่มีสีหน้าเรียบเฉย

หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้ประชุมกับหน่วยงานความมั่นคงในการประเมินสถานการณ์ ทั้งการดูแลความปลอดภัยที่ที่ประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขง และการประเมินสถานการณ์การชุมนุมที่กรุงเทพฯ โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่มีการปิดแยกราชประสงค์ที่กรุงเทพมหานครในวันนี้ว่า ได้หารือกับเจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัย หรือ ศอ.รส. เพื่อติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ซึ่ง ศอ.รส. จะส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง ไปเจรจากับแกนนำ นปช. เพื่อขอเปิดเส้นทาง ทั้งที่เห็นว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ขณะนี้เป็นการใช้สิทธิ์ของรัฐธรรมนูญ แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาล จะยึดหลักการเจรจาก่อน ขณะเดียวกันจะใช้ช่องทางทางกฎหมาย เพื่อจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นจะต้องประกาศราชกำหนด บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อยากให้คนกรุงเทพมหานครอดทนอดกลั้น รัฐบาลจะพยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า คนที่เคลื่อนไหวอยู่ในต่างประเทศขณะนี้ ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับความเสียหายของประชาชน เพราะสนใจแต่ประโยชน์ของตัวเอง มากกว่า

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เกี่ยวกับการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงในวันพรุ่งนี้ และ5 เม.ย.นี้ โดยสถานการณ์ขณะนี้ ยังเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ขณะที่บรรดาผู้นำประเทศสมาชิก จะเดินทางมาถึงในวันพรุ่งนี้ โดยยืนยันว่าสมเด็จฮุนเซน นายกฯ ประเทศกัมพูชาจะเข้าร่วมการประชุมอย่างแน่นอน ทั้งนี้นายยกฯ กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ประกาศว่า จะส่งทีมไล่ล่าตัวเองว่า อยากถามกลับไปยังกลุ่ม นปช.ว่าการกระทำดังกล่าวนั้น ถือเป็นการเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย หรือไม่อย่างไร

อย่างไรก็ตามนายกฯ กล่าวกับแกนนำ นปช. ด้วยว่าอยากให้ดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมด้วย โดยย้ำว่ารัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมอย่างเด็ดขาด

ศอ.รส.ยันยังไม่ประกาศ พ.ร.ก.มั่นใจขอเจรจาพื้นที่ราชประสงค์คืนได้

ขณะที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ พร้อม นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ร่วมกันแถลงโดย นายสาทิตย์กล่าวว่ารัฐบาล และ ศอ.รส.ติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ในวันนี้ที่มีการแยกเป็น 2 สาย ประกอบด้วยกลุ่มที่ปิดแยกราชประสงค์และกลุ่มที่ถนนวิภาวดีรังสิต หน้าสถานีโทรทัศน์ NBT ซึ่งกลุ่มที่ปิดแยกราชประสงค์นั้นทำให้ประชาชน ได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีโรงพยาบาลตำรวจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รวมถึงเด็กนักเรียนที่เรียนพิเศษด้วย ซึ่งเห็นว่า เป็นการชุมนุมที่ไม่อยู่ในข่ายการชุมนุมโดยสงบ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยขณะนี้รัฐบาลขอให้ตำรวจเจรจากับผู้ชุมนุมเป็นระยะ เพื่อให้คืนพื้นที่การจราจรบางส่วน และยังไม่มีการขีดเส้นกำหนดให้ผู้ชุมนุมคืนพื้นผิวจราจรเมื่อใด ทั้งนี้ยืนยันแต่ยังไม่มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ศอ.รส. มั่นใจว่า ภายในเย็นนี้กลุ่มคนเสื้อแดง จะคืนผิวการจราจรบางส่วนในสามารถใช้สัญจรได้ตามปกติ นอกจากนี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เงื่อนไขที่จะทำให้รัฐบาลยุบสภา ทั้งนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และยังเร่งคลี่คลายปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงว่า รัฐบาลยังคงเปิดโอกาสให้มีการเจรจาได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กรอบกติกา ที่เคยตกลงร่วมกัน ส่วนจะสามารถปรับลดระยะเวลา 9 เดือน ให้สั้นลงได้หรือไม่นั้น ขณะนี้นายกฯ ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องระยะเวลา แต่คำนึงถึงบรรยากาศทางการเมืองที่ดีก่อนการเลือกตั้งมากกว่า ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อแผ่นดินเสนอว่า ไม่ควรทำประชามติเสนอแก้รัฐธรรมนูญนั้น เห็นว่าเป็นเพียงการเสนอแนวคิดหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ท่าทีที่แสดงออกถึงการกดดันให้รัฐบาลยุบสภาแต่อย่างใด

ทั้งนี้ยืนยันว่า พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคยังคงมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน แม้จะแตกต่างกันบ้างในบางประเด็น แต่คงไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะต้องนำมาหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากยังมีอีกหลายเรื่องที่มีความสำคัญมากกว่า

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เปิดเผยว่า ศอ.รส. ได้มอบหมายให้พื้นที่ตำรวจ จากกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และตำรวจจราจรไปเจรจา กับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ตั้งเวทีปราศรัยอยู่ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT บนถนนวิภาวดีแล้ว ซึ่งคาดว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจะใช้เวลาในการแสดงพลังประมาณ 1-2 ช.ม. ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณแยกราชประสงค์ซึ่งจะทำให้พื้นที่ผิวการจราจร บนถนนวิภาวดี กลับสู่สภาวะปกติได้

อย่างไรก็ตาม โฆษก ศอ.รส.ยังกล่าวต่อว่า กลุ่มคนเสื้อแดงต้องการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน เพื่อให้กระทบต่อภาครัฐ ซึ่ง ศอ.รส.ก็ไม่ได้ใช้คนกรุงเทพฯ เป็นเกราะกำบัง แต่การจะให้สังคมกดดันคนเสื้อแดง ก็เป็นปัจจัยที่จะต้องคำนึงถึง ทั้งนี้หากกลุ่มคนเสื้อแดงยังยืนยันที่จะปักหลักค้างแรมที่บริเวณแยกราชประสงค์ ศอ.รส. ก็จะต้องมีมาตรการในการดำเนินการต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook