โรงงานพลุระเบิด 22 ศพ ใบอนุญาตยังไม่หมด สะเทือนใจ เด็ก ม.5 สูญเสียทั้งพ่อและแม่

โรงงานพลุระเบิด 22 ศพ ใบอนุญาตยังไม่หมด สะเทือนใจ เด็ก ม.5 สูญเสียทั้งพ่อและแม่

โรงงานพลุระเบิด 22 ศพ ใบอนุญาตยังไม่หมด สะเทือนใจ เด็ก ม.5 สูญเสียทั้งพ่อและแม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โรงงานพลุระเบิด 22 ศพ ใบอนุญาตยังไม่หมด สะเทือนใจ เด็ก ม.5 สูญเสียทั้งพ่อและแม่พร้อมกัน น้องยังช็อกรับไม่ได้

นายสิทธิศักดิ์ แย้มพรายภิรมย์ นายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี โรงงานพลุระเบิด ที่บ้านข่อยงามหมู่ 3 ต.ศาลาขาว อ.เมือง ว่า รายงานล่าสุดผู้เสียชีวิต 22 ราย ไม่มีผู้บาดเจ็บ และทางจังหวัดมีการตั้งศูนย์เยียวยา เพื่อให้ญาติของผู้เสียชีวิตมายืนยันตัวตนและยื่นเรื่องเพื่อขอรับเงินเยียวยาจากหลายภาคส่วน    

ซึ่งขณะนี้มีญาติของผู้เสียชีวิตมายื่นเรื่องแล้ว 10 กว่ารายขณะเดียวกันทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ปภ. และ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุพรรณบุรี ได้เข้าลงไปช่วยเหลือและเยียวยาจิตใจญาติผู้เสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการของโรงงานดังกล่าวพบว่ายังไม่หมดอายุแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง      

นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงความสูญเสียจากเหตุโรงงานพลุระเบิดที่ จ.สุพรรณบุรี ว่า ขณะนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ระดมนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยาจากจังหวัดใกล้เคียง ให้เข้ามาช่วยกันลงพื้นที่ในวันนี้ (18 ม.ค. 67) ทันที

ซึ่งสิ่งที่กระทรวง พม. คำนึงถึงมากที่สุดคือความรู้สึกของผู้ได้รับผลกระทบ และครอบครัว เพราะฉะนั้นนอกจากที่เราจะพยายามเยียวยาในเรื่องของเงินและสิ่งที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีวิตประจำวันได้ แต่ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่านั้นคือ เรื่องของสภาพจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบและครอบครัว เพราะฉะนั้น วันนี้กระทรวง พม. จึงทำอย่างเต็มที่  

นายธเนศพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้เรายังไม่สามารถเคลื่อนศพของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ออกจากพื้นที่ได้ แต่จะทยอยลำเลียงออกมาไว้ที่วัดโรงช้าง อำเภอเมือง จ.สุพรรณบุรี เพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ในเช้าวันนี้ (18 ม.ค. 67) เนื่องจากยังมีเรื่องของฟอสฟอรัสหรือกำมะถันอยู่ ในบริเวณพื้นที่เกิดเหตุค่อนข้างมากพอสมควร โดยที่วัดโรงช้างขณะนี้ กระทรวง พม. ได้ตั้งโต๊ะรับเรื่องราวร้องทุกข์ หรือปัญหาที่เกิดขึ้น และมีผู้เข้ามาแจ้งความจำนงประมาณ 23 ราย ซึ่งจะได้ให้ความช่วยเหลือต่อไป แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือ เรื่องของสภาพจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก เราจึงต้องรีบเยียวยาความรู้สึกให้เร็วที่สุด    

"ตอนนี้ เจอเคสที่หนักหนาเป็นน้อง ม. 5 ที่สูญเสียทั้งพ่อและแม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่น้องยังรับไม่ได้ พวกเราเองยังรับกันไม่ได้ จึงได้ให้นักจิตวิทยาเข้าประกบ และให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูสภาพจิตใจ ให้มีความผ่อนคลายลง ซึ่งเวลาความสูญเสียแต่ละครั้ง ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่าทรัพย์สินเงินทองคือเรื่องของความรู้สึกของผู้สูญเสียสมาชิกในครอบครัวไป กระทรวง พม. จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะทำอย่างเต็มที่ เต็มแรง"

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook