บิ๊กโจ๊ก เชื่อลุงเปี๊ยกถูกบีบให้สารภาพ ไม่ได้ช่วยเด็กลูกตำรวจ แต่เร่งปิดคดีเอาผลงาน

บิ๊กโจ๊ก เชื่อลุงเปี๊ยกถูกบีบให้สารภาพ ไม่ได้ช่วยเด็กลูกตำรวจ แต่เร่งปิดคดีเอาผลงาน

บิ๊กโจ๊ก เชื่อลุงเปี๊ยกถูกบีบให้สารภาพ ไม่ได้ช่วยเด็กลูกตำรวจ แต่เร่งปิดคดีเอาผลงาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บิ๊กโจ๊ก เชื่อลุงเปี๊ยกถูกบีบให้สารภาพ ไม่ได้ช่วยเด็กลูกตำรวจ แต่เร่งปิดคดีเอาผลงาน ลั่นถุงดำคลุมหัวแค่ล้อเล่นก็ผิด 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยก่อนสอบปากคำว่าลุงเปี๊ยก ว่า ได้ฟังคลิปเสียงทั้ง 2 คลิปแล้ว ทั้งคลิปเสียงของลุงเปี๊ยก และคลิปเสียงของรองผู้กำกับการท่านหนึ่ง ซึ่งหากมีแต่เสียงลุงเปี๊ยกตนเองคงไม่เชื่อ แต่เมื่อมีเสียงของรองผู้กำกับการยืนยัน ก็เหมือนคำรับสารภาพแล้วว่ามีการคลุมถุงดำจริง แต่การทำแบบนั้นส่วนตัวเชื่อว่าไม่ใช่การช่วยเหลือให้ลูกตำรวจพ้นผิด แต่เป็นวิธีการบีบบังคับเพื่อให้ได้คำรับสารภาพ และเร่งปิดคดีเพื่อทำผลงานในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นวิธีการที่ผิดกฎหมาย เป็นการควบคุมตัวและสอบปากคำโดยมิชอบตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ป.วิอาญา และเมื่อกระบวนการผิดตั้งแต่ต้น ก็เชื่อว่ากระบวนการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ก็มีการบังคับและชี้นำลุงเปี๊ยกด้วยเช่นกัน

แต่การจะดำเนินคดีกับตำรวจหรือบุคคลใด ก็ต้องสอบสวนลุงเปี๊ยกก่อน ว่าลุงเปี๊ยกจะให้การว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง หากลุงเปี๊ยกยืนยันได้ชัดเจน ก็จะต้องนำตัวลุงเปี๊ยกกลับไปสอบสวนที่ สภ.สระแก้ว เพื่อชี้ตัวผู้เกี่ยวข้อง โดยจะต้องหาความจริงให้ได้ว่ามีตำรวจคนไหนมีส่วนร่วมบ้าง และมีกี่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ใครเป็นผู้สั่งการ หรือเป็นผู้บังคับบัญชา ซึ่งแม้จะไม่ได้ร่วมก่อเหตุ แต่หากมีส่วนรู้เห็น ก็ถือว่าผิดด้วย

ส่วนผู้กำกับการในฐานะผู้บังคับบัญชา แม้จะเพิ่งมารับตำแหน่งนี้ ก็ต้องรับผิดชอบด้วยเช่นกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีทั้งโทษทั้งทางอาญาและวินัย จะอ้างว่าล้อเล่นไม่ได้ เพราะการกระทำผิดเกิดขึ้นแล้ว ส่วนพยานหลักฐานจะเพียงพอหรือไม่ ตนเองได้ให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว รอเพียงสอบปากคำลุงเปี๊ยก    

ส่วนลูกตำรวจนั้น จากการตรวจสอบประวัติการโทรศัพท์ที่โทรหาพ่อซึ่งเป็นรองสารวัตรสืบสวน สภ.อรัญประเทศ นั้น พบว่ามีประวัติการโทรช่วงตี 1 ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณตี 2 และหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่ออีกเลย จนกระทั่งผู้เป็นพ่อมาทราบว่ามีการจับกุมกลุ่มวัยรุ่นและลูกตนเองเกี่ยวข้องด้วย จึงได้รีบพาเข้ามอบตัว จึงเชื่อได้ว่าหลังก่อเหตุแล้วไม่ได้มีการขอให้พ่อช่วยเหลือทางคดีแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุทั้ง 5 คน ยังอยู่ที่สถานพินิจฯ จังหวัดสระแก้ว แต่ก็จะประสานกับอธิบดีสถานพินิจและคุ้มครองเด็ก หารือเรื่องการแยกคุมตัวกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 5 ออกจากกัน ไปอยู่ตามบ้านแรกรับจังหวัดต่างๆ พร้อมยืนยันว่าไม่มีผู้มีอำนาจประสานให้ผู้ปกครองเด็กเตรียมไปขอประกันตัวแน่นอน เพราะเด็กแต่ละคนต้องอยู่ในสถานพินิจฯ อย่างน้อย 3 ปี หรือจนกว่าจะอายุครบ 18 ปี         

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook