สลด! ช่างประจำอู่ถอยรถ ปอ.สาย 82 ทับกระเป๋ารถเมล์ดับ อ้างมองไม่เห็น
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 20 ม.ค. ร.ต.อ.ภูดิศ วงศ์จักร์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ราษฎร์บูรณะ รับแจ้งเหตุรถเมล์ทับคนเสียชีวิต บริเวณอู่รถเมล์ของเอกชนแห่งหนึ่ง ในซอยสุขสวัสดิ์ 58 ถนนสุขสวัสดิ์ แขวงและเขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.วัชรพล สุวนันทวงศ์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน และอาสามูลร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบรถเมล์ไฟฟ้าปรับอากาศ สาย 82 วิ่งระหว่างพระประแดง - บางลำพู เลขประจำรถ 4-15 (14) ยี่ห้อ NEX-MINEBUS สีน้ำเงิน-เขียว ทะเบียน 16-6348 กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบบริเวณใต้ท้องรถ พบศพนางวรรณพร อายุ 59 ปี พนักงานเก็บค่าโดยสาร สภาพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินและเสื้อเชิ๊ตสีฟ้า นุ่งกางเกงขายาว สีกรมท่า มือขวาวางรองใบหน้า ข้างตัวมีกระเป๋าสะพาย สีครีมตกอยู่ นอนเสียชีวิตอยู่ช่วงท้ายรถ โดยมีนายสุรศักดิ์ นที อายุ 24 ปี เป็นผู้ขับขี่รถเมล์คันเกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวนายนที ไปสอบปากคำ
ขณะที่นายอภิชาติ อายุ 61 ปี สามีผู้ตายเกิดอาการเป็นลมล้มพับ ทางเพื่อนๆต้องช่วยพยุงร่างและปฐมพยาบาล นอกจากนี้หลังเกิดเหตุทางผู้จัดการอู่รถเมล์ จึงไม่อนุญาตให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปด้านใน รวมถึงผู้สื่อข่าว โดยให้รออยู่ด้านนอกบริเวณอู่รถเมล์เท่านั้น
จากการสอบถาม นายอภิชาติ เป็นพนักงานคนขับรถเมล์ และเป็นสามีผู้ตาย เล่าว่า นางวรรณพร เป็นภรรยาตน ทำงานเป็นพนักงานเก็บค่าโดยสาร มานานกว่า 10 ปี ซึ่งขณะนั้นภรรยาของตนกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ เป็นจังหวะที่รถเมล์คันดังกล่าว กำลังวิ่งเข้าไปเติมเชื้อเพลิง ซึ่งตนก็ได้พยายามตะโกนบอกคนขับรถเมล์คันดังกล่าวแล้วว่า อย่าเพิ่งถอยรถเพราะยังมีคนอยู่ แต่คนขับรถเมล์ก็ไม่ได้ยินและไม่เห็นว่าภรรยาของตนยังอยู่ที่ท้ายรถ ทำให้ถอยรถมาชนภรรยาของตนจนเสียชีวิต
สอบสวน นายสุรศักดิ์ฯ ให้การว่า ตนเป็นนายช่างประจำอู่รถเมล์สาย 35 ก่อนเกิดเหตุตนจะถอยรถไปจอดในช่องจอดรถแต่มองไม่เห็นผู้ตายจึงทำให้รถทับผู้ตายเสียชีวิต นอกจากนี้มีรายงานระบุว่านายสุรศักดิ์ฯ มักจะมีการขับรถที่ใช้ความเร็วเกินกว่าจำเป็นอยู่บ่อยครั้ง
ด้าน พ.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุอาจเป็นอุบัติเหตุ โดยอยู่ระหว่างการสอบปากคำตัวคนขับขี่ ก่อนพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป