มาร์ค หลบเสื้อแดงปาไข่เข้าหลัง รร. ย้ำสื่อนอกสถาบันอยู่เหนือความขัดแย้ง
นายกฯแจงนั่งเก้าอี้เสมอที่ประทับ ทำตามขั้นตอนสำนักราชฯ เสื้อแดงตามราวีดักปาไข่ใส่อภิสิทธิ์ขณะพบสื่อนอก ต้องหลบเข้าด้านหลัง โรงแรม ย้ำใช้กม.เท่าเทียมกัน ดำเนินคดีไม่ดูชื่อดูสิ่งที่ทำ ไม่ปิดเว็บไซต์หมิ่น แต่จะทำสถาบันอยู่เหนือความขัดแย้ง เสธ.หนั่น ชี้ตั้ง พธม.นั่งที่ปรึกษาเติมเชื้อไฟ ปลัดสำนักฯยันนายกฯตั้ง กก.ผช.รมต.30 คนได้
อภิสิทธิ์ หลบกลุ่มเสื้อแดงรอปาไข่ ดอดเข้าด้านหลังโรงแรม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางถึงห้องแกรนด์บอลรูม รร.อินเตอร์คอนติเนนตัล ย่านราชประสงค์ เมื่อเวลา 19.20 น. ค่ำวันที่ 14 มกราคม เพื่อกล่าวสุนทรพจน์ และร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ ของสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (เอฟซีซีที) โดยนายอภิสิทธิ์ได้เดินทางเข้าด้านหลังของโรงแรม เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกลุ่มเสื้อแดงที่รวมกลุ่มกันประมาณ 30 คนที่ชุมนุมรอนายกฯอยู่ ทั้งนี้สมาชิกกลุ่มเสื้อแดงได้ถือตืนตบ และกระเช้าใส่ไข่ไก่รอปาเข้าใส่นายอภิสิทธิ์ด้วย
พร้อมกันนี้ ผู้ชุมนุมได้ชูป้ายผ้าประท้วงที่มีข้อความทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นข้อความเรียกร้องให้บอยคอตการประชุมอาเซียนซัมมิท และการโจมตีนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ว่าเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มพันธมิตร ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบประมาณ 100 นาย มาคอยอารักขา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกลุ่มเสื้อแดงคว้าน้ำเหลวไม่สามารถปาไข่ใส่นายกฯ ได้สำเร็จ จึงประกาศว่าจะติดตามไปปาไข่ใส่นายอภิสิทธิ์ทุกที่ที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจ และเมื่อถึงเดือนกุมภาพันธ์ก็จะเปลี่ยนเป็นไข่เน่า พร้อมกับเรียกร้องให้นายกฯ เร่งดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรที่ไปปิดสนามบินดีกว่าจะมาไล่ดำเนินคดีกับคนที่ปาไข่
ย้ำใช้กม.เท่าเทียมกัน ดำเนินคดีไม่ดูชื่อดูสิ่งที่ทำ
เวลา 20.50 น. นายอภิสิทธิ์ ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ภายใต้หัวข้อ "การฟื้นฟูความเชื่อมั่นและการขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า" ตอนหนึ่งว่า มีประเด็นสำคัญในฐานะผู้นำประเทศคือ การฟื้นฟูการบังคับใช้กฎหมายในประเทศให้ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งมีหลายกรณีที่เกิดขึ้น ทำให้หลายคนเรียกหาความยุติธรรม และพูดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะดำเนินคดีกับคนเหล่านั้น แต่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า พวกเขาคิดผิด โดยจะส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่า กำลังฟื้นฟูการบังคับใช้กฎหมายในประเทศนี้ การดำเนินคดีต้องไม่ดูชื่อ ให้ดูสิ่งที่ทำ และเจ้าหน้าที่ต้องทำในสิ่งที่เหมาะสม ตามกรอบของกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลเห็นด้วยที่จะต้องปฏิรูปการเมือง จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล โดยกำลังจะเชิญทุกภาคส่วนสังคมให้มามีส่วนร่วม เพราะการกระทำเช่นนี้เท่านั้น ที่จะทำให้ทุกฝ่ายเชื่อว่า เขามีสิทธิและมีส่วนในกระบวนการเหล่านี้อย่างแท้จริง รัฐบาลจะพิสูจน์ให้เห็นว่า เราจะไม่แบ่งแยก จะทำงานเพื่อคนไทยทุกคน และจะพิสูจน์ให้เห็นว่า ความขัดแย้งไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคนในชนบทและคนในเมืองไม่สามารถประนีประนอมกันได้ แต่เป็นมุมที่ต่างกัน เป็นคุณค่าของประชาธิปไตย ส่วนหนึ่งบอกว่าประชาธิปไตยเป็นเรื่องขอเสียงข้างมาก อีกข้างหนึ่งบอกว่า ประชาธิปไตยคือ การมีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ไม่ทุจริต และเชื่อถือได้ ซึ่งตนจะทำให้เห็นว่า เราสามารถมีรัฐบาลที่มีทั้ง 2 อย่างพร้อมกันได้ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ก้าวสำคัญคือ การเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอดอาเซียน ซึ่งทุกประเทศยืนยันว่าจะมาร่วมประชุมแล้ว
ยอมรับทำงานยาก ไม่ยอมให้สถาบันเสื่อมเสีย
"ผมทราบดีว่า การทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงนี้ เป็นงานที่ยาก แต่เชื่อว่า จะใช้ความสามารถที่มี นำประเทศผ่านวิกฤตให้ได้ และทำให้โลกเห็นว่า เรากลับสู่สู่ภาวะปกติแล้ว"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการตั้งคำถามว่า จำนวนส.ส.ที่มีอยู่ รัฐบาลจะมีเสถียรภาพหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะอยู่ได้หรือเปล่า อยู่ที่ผลงาน แต่ทำงานล้มเหลวก็ไม่มีเหตุผลที่รัฐบาลจะอยู่ต่อไป ซึ่งตนไม่สนใจว่ารัฐบาลจะนานแค่ไหน รู้แค่ว่ารัฐบาลกำลังทำงาน และจะทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามถึงการดำเนินกับเว็บไซต์หมิ่นสถาบัน เป็นขบวนการหรือการเปลี่ยนแปลงทางสังคม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เชื่อว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ยังมีความสำคัญกับสังคมไทย และในฐานะที่เป็นรัฐบาลจะไม่ทำให้เสื่อมเสีย ซึ่งได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าจะไม่ปิดเว็บไซต์ ยกเว้น รายที่ผิดชัดเจนก็ต้องดำเนินคดี แต่เส้นแบ่งเรื่องสถาบันกับสิทธิส่วนบุคคลเป็นเรื่องยาก จึงต้องดำเนินการตามกฎหมาย และยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทำปฏิบัติอย่างตรงไปตรงมา จะทำให้สถาบันอยู่เหนือความขัดแย้ง เมื่อถามว่า มีขบวนการล้มล้างสถาบันใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ คิดว่ามีขบวนการนั้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น นายอภิสิทธิ์ ได้สนทนากับ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ จนกระทั่งเกือบ 4 ทุ่มครึ่ง จึงเดินทางกลับ โดยไม่ทราบว่า เดินทางกลับประตูด้านไหน เนื่องจากโรงแรมดังกล่าวมีทางออกหลายทาง และทีมงานนายกฯได้เตรียมรถไว้หลายเส้นทาง เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มเสื้อแดง
ประพันธ์ สวน เสื้อแดง อย่าหลงทิศ
นายประพันธ์ คูณมี ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) และอดีตแกนนำรุ่น 2 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันแรก ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เวลา 09.30 น. วันที่ 14 มกราคม พร้อมตอบโต้แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่วิจารณ์การเข้ารับตำแหน่งครั้งนี้ว่า จากข้อวิพากษ์วิจารณ์ของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลที่ระบุว่า การแต่งตั้งข้าราชการการเมืองของรัฐบาลถือเป็นการปูนบำเหน็จรางวัลนั้น เป็นคนละเรื่องกัน ตำแหน่งที่ได้รับก็ไม่ได้ใหญ่โต ไม่คิดว่าเป็นการไปเหยียบย้ำหัวใจ หรือตบหน้าใคร เพราะมีความตั้งใจทำงานจริงๆ
"รับตำแหน่งนี้ เพราะทำงานร่วมกับคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มานานกว่า 10 ปี ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และเคยทำงานให้กับพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มานาน ซึ่งพรรคมีวัฒนธรรมการคัดเลือกคนเข้ารับตำแหน่งที่โปร่งใส ไม่นิยมแจกจ่ายโบนัสใคร ที่สำคัญอยากย้ำว่า ผมไม่ใช่แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) และไม่เคยถูกดำเนินคดี จึงไม่ต้องกลัวว่าจะมีคดีย้อนหลัง"
นายประพันธ์ยังกล่าวว่า หากพิจารณาในสมัยของรัฐบาลที่ผ่านมา ก็มีการนำคนที่มีคดีมาทำงานเช่นกัน ซึ่งก็ยังทำงานต่อไปได้ พร้อมๆ กับรอข้อสรุปจากกระบวนการยุติธรรม
"นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และผู้จัดการรายการความจริงวันนี้ นายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำกลุ่ม นปช. และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ควรหาเหตุผลอื่นมาโจมตีดีกว่า ควรเน้นเรื่องที่ประชาชนได้ประโยชน์เพราะคนเสื้อแดงที่เข้าร่วมชุมนุมมาด้วยใจ ก็ควรนำไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง หากหยิบประเด็นการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร ฝ่ายรัฐบาลว่าผิดพลาดอย่างไร พร้อมจะให้ตรวจสอบทันที"
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะแก้ข้อครหาครั้งนี้อย่างไร นายประพันธ์กล่าวว่า เป็นคนละเรื่อง เนื่องจากมาทำงานก็มุ่งมั่นทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย ยึดหลักนโยบายของรัฐบาลเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ทำงานเพื่อลบข้อครหาของใคร อย่าโยงการเมือง
นวลพรรณ-พิเชษฐ ยังอยู่ในโผ
รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่า สำหรับการเสนอแต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรี และที่ปรึกษารัฐมนตรีในโควต้าของพรรคที่เหลือนั้น ในสัปดาห์หน้าจะยังมีการทยอยเสนอรายชื่อเพิ่มเติมอีก โดยในส่วนตำแหน่งที่ปรึกษานายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุขนั้น ข่าวแจ้งว่า ยังคงเสนอชื่อนายพิเชษฐ พัฒนโชติ แกนนำพันธมิตรเหมือนเดิม นอกจากนี้ ยังมีนางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการบริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด ที่อาจจะมานั่งตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีสาธารณสุข เนื่องจากเคยทำงานในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการพรรคมาก่อน
ด้านนายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไม่ได้เสนอชื่อเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าไม่ได้รู้สึกไม่พอใจหรือซีเรียสอะไร พร้อมช่วยงานอยู่แล้ว อาจจะไปทำงานในรูปแบบของคณะทำงานก็ได้ ส่วนจะมาสางคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ค้างอยู่หรือไม่นั้น ตอบไม่ได้ แต่หากมอบงานอะไรมาตนก็พร้อมทั้งนั้น
ชี้นายกฯตั้งกก.ผช.รมต.30คนได้
นายนัที เปรมรัศมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์มีแนวคิดจะฟื้นตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับมอบหมายให้ดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แต่เรื่องนี้สามารถทำได้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ.2546 ไม่จำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) หรือคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด และไม่เกี่ยวกับการใช้รัฐธรรมนูญปี 2550 เนื่องจากการแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีถือเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี โดยสามารถตั้งได้ถึง 30 คน เพื่อไปช่วยงานรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ
ทั้งนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยวินิจฉัยไว้ในสมัยรัฐบาลชุดก่อนว่ากรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมือง จึงไม่ต้องยื่นบัญชีรายการแสดงทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่เป็นตำแหน่งกึ่งการเมือง โดยผู้ดำรงตำแหน่งได้รับสิทธิประโยชน์เทียบเท่าที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี หรือที่ปรึกษารัฐมนตรี แต่จะอยู่ในตำแหน่งคราวละ 1 ปี และต่อได้เรื่อยๆ
พท.เชื่อดันตั้ง พิเชษฐ อีกคน
ที่พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแต่งตั้ง นายประพันธ์ คูณมี แกนนำกลุ่มพันธมิตร เป็นที่ปรึกษาคุณหญิงกัลยา ว่าเท่ากับยอมรับว่าเป็นกระบวนการเดียวกัน เพราะคุณหญิงกัลยาไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรเป็นประจำ ซึ่งนอกจากนายประพันธ์แล้ว ทราบว่า ยังจะมีคนอื่นอีก อย่างกรณี นายพิเชษฐ พัฒนโชติ ที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งเพราะยังเป็นสมาชิกกรรมการสภาพัฒนาการเมือง จึงต้องรอให้ลาออกให้เรียบร้อยเท่านั้น
เมื่อถามว่าในเมื่อสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แกนนำ นปก.หลายคนก็ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายจตุพรกล่าวว่า แม้จะมีการแต่งตั้งจริง แต่แกนนำ นปก.ไม่เคยปิดสนามบิน หรือยึดทำเนียบรัฐบาล มีเพียงการไปบริเวณหน้าบ้านพักของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษเท่านั้น ซึ่งคดีนี้ไม่มีมูลจนทำให้อัยการไม่ส่งฟ้อง
เสธ.หนั่น ชี้เติมเชื้อไฟ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีจากพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ไม่ขอก้าวก่ายการแต่งตั้งแกนนำกลุ่มพันธมิตรเป็นเลขานุการและที่ปรึกษารัฐมนตรี ต้องไปถามพรรคประชาธิปัตย์เพราะเป็นการตัดสินใจของแต่ละพรรค แต่ยอมรับว่าอาจมีผลกระทบบ้างในแง่การเติมเชื้อไฟ ซึ่งเป็นเพียงการเริ่มก่อหวอด ยังไม่ถึงขั้นปะทุ จึงไม่หนักใจอะไร หากช่วยกันอธิบายเชื่อว่าน่าจะดีขึ้น ส่วนกระแสข่าวการขอนิรโทษกรรมให้สมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109 พล.ต.สนั่นกล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุยกันในรัฐบาล
พล.ต.สนั่นยังกล่าวถึงการปรับ ครม.หลัง ชทพ. ได้ ส.ส.จากการเลือกตั้งซ่อมเพิ่มว่า ไม่เคยขอให้ปรับ ครม.เลย เพราะก่อนตั้งรัฐบาลได้พูดจากัน และพรรคประชาธิปัตย์ให้โควต้ารัฐมนตรีมา 4 ตำแหน่ง ทั้งที่มี ส.ส.เพียง 13 คน เนื่องจากแกนนำคำนวณเผื่อไว้แล้วว่า น่าจะได้ ส.ส.เพิ่มเป็น 20 กว่าคน ถือเป็นโควต้าที่เหมาะสมแล้ว
"ผมเพียงแต่บอกว่าถ้าพรรคแกนนำจะปรับ ครม.เราก็อาจจะขอปรับ แต่เรื่องตำแหน่งไม่ขอเพิ่ม ถ้าจะเพิ่มก็เพิ่มรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเท่านั้น" พล.ต.สนั่นกล่าว และว่า หลังมีข่าวออกไปได้เคลียร์กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเข้าใจแล้ว
บิ๊กจิ๋ว ติง มาร์ค นั่งหุบขา
ด้าน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่านายกฯคนนี้เป็นคนน่ารัก แต่ขอติงว่าเวลาพบผู้ใหญ่หรือเข้าเฝ้าฯควรจะนั่งหุบขา ส่วนการแต่งตั้งให้นายประพันธ์ คูณมี เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีนั้น ไม่ขอวิจารณ์ ควรจะให้เกียรตินายกฯ เพราะการทำหน้าที่นายกฯเป็นงานที่หนักและเหนื่อย ทำอะไรต้องอยู่ในสายตาของประชาชนโดยตลอด
นายกฯแจงทำตามสำนักราชฯ
ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคเพื่อไทยโจมตีถึงความไม่เหมาะสมในการเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่นั่งเก้าอี้เสมอที่ประทับว่า เป็นไปตามขั้นตอนและแนวปฏิบัติทุกประการตามที่สำนักราชเลขาธิการกำหนดทุกอย่าง เมื่อถามว่า แต่ทุกรัฐบาลที่ผ่านมา ในการเข้าเฝ้าฯเป็นการส่วนพระองค์ จะไม่มีการนำภาพมาเปิดเผย นายกฯกล่าวว่า "ผมย้ำอีกครั้งว่า ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เป็นไปตามที่สำนักราชเลขาธิการกำหนด รัฐบาลไม่ได้เป็นผู้กำหนดในเรื่องเหล่านั้นเลย"
เมื่อถามว่า หลายคนมองว่าผู้นำนั่งด้วยท่าทางที่ไม่สำรวม นายกฯกล่าวว่า ไม่ทราบว่า หมายถึงในส่วนไหนอย่างไร แต่คิดว่าไม่ควรจะมีคำถามในเรื่องของความจงรักภักดีและความพยายามของตนในการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เหนือความขัดแย้งทั้งสิ้น ขอไม่ตอบโต้เรื่องเหล่านี้ เพราะไม่ต้องการให้เป็นเรื่องของการทำให้สถาบันต้องมาอยู่ในความขัดแย้ง