ศอฉ. มีมติยอมยุติการปฏิบัติการทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมให้ถอนกำลังห่างจากกัน
ศอฉ. มีมติยอมยุติการปฏิบัติการทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมให้ถอนกำลังห่างจากกัน เพื่อลดปัญหาลุกลามบานปลายและนำความสงบเรียบร้อยกลับสู่บ้านเมือง
พันเอกสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงว่า จากกรณีที่ ศอฉ.ได้ดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดำเนินการตามแผนในเรื่องของการขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าจากกลุ่มผู้ชุนนุมคนเสื้อแดง ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นมา ซึ่งการปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ของ ศอฉ. ทุกนายทั้งทหาร พลเรือน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ดำเนินการจากมาตรการจากขั้นเบาไปหาหนัก ตามกฎการใช้กำลัง ประกอบด้วย การชี้แจงทำความเข้าใจ การแสดงกำลัง การใช้โล่ดัน การใช้น้ำ การใช้เครื่องขยายเสียงกำลังสูง การใช้แก๊สน้ำตา การใช้กระบอง และการใช้กระสุนยาง ตามลำดับ โดยกระสุนจริงคงมีเฉพาะการยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขวัญกลุ่มผู้ชุมนุมเท่านั้น แต่ปรากฎว่า ทางกลุ่มผู้นุมคนเสื้อแดงได้ดำเนินการต่อต้านตอบโต้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ในทุกรูปแบบมีการใช้อาวุธกระสุนจริงยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ และยังใช้ลูกระเบิด ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นมีทั้งระเบิด M 67 และระเบิด M 79 นอกจากนี้ยังมีการใช้ระเบิด แสวงเครื่องที่ทำจากถังแก๊สเพิ่มเติม เป็นผลให้เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจผู้ปฏิบัติงานในการดูแลความสงบเรียบร้อยต้องได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ในส่วนนี้ ศอฉ. ได้หารือกับรัฐบาล และ มีมติ มอบหมายให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานกับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อหยุดการปฏิบัติของทั้งสองฝ่าย ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เข้าควบคุมความสงบเรียบร้อย และการต่อต้านของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ซึ่งในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทหารได้ถอยออกจากพื้นที่ห่างจากผู้ชุมนุมแล้วในระดับหนึ่ง คาดหมายว่า ในโอกาสต่อไป กลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งได้รับการประสานจากแกนนำจะหยุดปฏิบัติการและเคลื่อนย้ายกำลังออกห่างจากเจ้าหน้าที่ทหารเพื่อที่จะหารือถึงแนวทางในการปฏิบัติภารกิจต่อไป เพื่อนำความสงบเรียบร้อยกลับสู่บ้านเมือง ทั้งนี้ หากมีการปฏิบัติในลักษณะเช่นนี้ต่อไป เจ้าหน้าที่ทหาร ถ้าจะตอบโต้การปฏิบัติของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ก็อาจจะทำให้ความรุนแรงขยายตัวบานปลายต่อไป จึงตกลงให้มีการยุติทั้งสองฝ่าย และถอนกำลังให้ห่างออกจากกัน