สธ.พร้อมรักษาฟรีผู้บาดเจ็บทุกราย เปิดคอลเซ็นเตอร์ สอบถามชื่อคนเจ็บ - เสียชีวิต 24 ช.ม.

สธ.พร้อมรักษาฟรีผู้บาดเจ็บทุกราย เปิดคอลเซ็นเตอร์ สอบถามชื่อคนเจ็บ - เสียชีวิต 24 ช.ม.

สธ.พร้อมรักษาฟรีผู้บาดเจ็บทุกราย เปิดคอลเซ็นเตอร์ สอบถามชื่อคนเจ็บ - เสียชีวิต 24 ช.ม.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สธ.พร้อมให้การรักษาฟรี ผู้บาดเจ็บทุกราย ให้แพทย์รักษาเต็มที่ เบื้องต้นผู้บาดเจ็บ 842 คนเสียชีวิต 20 คน พร้อมเปิดคอลเซ็นเตอร์ สอบถามรายชื่อผู้บาดเจ็บผู้เสียชีวิต 24 ชั่วโมง ทางเว็บไซต์และโทรศัพท์

วันนี้(11 เมษายน 2553) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉินระดับชาติ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ว่า ได้รับรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์ฯ มีผู้บาดเจ็บ 842 คน เป็นพลเรือน 569 คน ทหาร 265 นาย และตำรวจ 8 นาย เสียชีวิต 20 คน เป็นพลเรือน 15 คน ทหาร 5 นาย โดยทหารที่เสียชีวิต 5 นาย ถูกระเบิด 1 นาย อีก 4 นายถูกยิง ส่วนผู้เสียชีวิตรายอื่น เกิดจากถูกกระสุนปืน ระเบิด และถูกของแข็งกระแทก

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉินระดับชาติ ได้กำชับไปยังโรงพยาบาลทุกแห่งที่รับตัวผู้บาดเจ็บ ขอให้ดูแลรักษาผู้บาดเจ็บทุกรายอย่างดี โดยไม่เลือกปฏิบัติ ประชาชนสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บได้ทางเว็บไซต์ สถาบันการการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ www.niems.go.th/pf และทางเว็บไซต์ของศูนย์เอราวัณ www.bangkok.go.th หรือสอบถามทางโทรศัพท์ของศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์ฯ ของกระทรวงสาธารณสุข หมายเลข 0 2591 9767 และ 08 7500 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งได้กำชับกรมสุขภาพจิต ให้บริการดูแลสุขภาพจิตประชาชนอย่างเต็มที่ โดยหากประชาชนมีความเครียดหรือวิตกกังวลสามารถโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิตได้ที่ หมายเลข 1323


สำหรับศพผู้เสียชีวิตทั้งหมด จะต้องผ่านการชัณสูตรพลิกศพตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติ หลังจากนั้นญาติจึงสามารถรับศพไปทำพิธีทางศาสนาได้ ทั้งนี้ ในส่วนของการจัดบริการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บจากเหตุชุมนุม กระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมพร้อมเต็มที่และปรับปรุงรายละเอียดของแผนเพิ่มเติม เช่น ระบบการคัดแยกผู้บาดเจ็บที่มีอาการสาหัสหรือร้ายแรงให้นำส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้สุด เพื่อให้ผู้บาดเจ็บได้รับการรักษาอย่างเต็มที่และทันท่วงที ลดการเสียชีวิต

ด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันนี้ ได้ประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์ฯ เพื่อติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งได้เตรียมแผนขั้นสูงสุดรับมือ พบว่า การปฏิบัติงานระหว่างศูนย์เอราวัณและศูนย์นเรนทรเป็นไปด้วยดี แต่มีบางจุดที่จะต้องเสริมมาตรการเพิ่ม เช่น การสำรองเวชภัณฑ์แก่หน่วยกู้ชีพฉุกเฉิน เพื่อให้เพียงพอต่อการดูแลผู้บาดเจ็บ โดยในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดศูนย์สำรองไว้ที่รพ.สงฆ์ซึ่งอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ระบบการสื่อสารระหว่างหน่วยกู้ชีพฉุกเฉินกับศูนย์บัญชาการ โดยผู้บาดเจ็บทั้งหมดกระทรวงสาธารณสุขจะให้การดูแลรักษาฟรี ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วงแต่อย่างใด

นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของผู้บาดเจ็บที่นอนรักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ กระทรวงสาธารณสุข ได้วางแผนให้ผู้บริหารระดับสูงออกเยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ ญาติ และเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการด้วย นอกจากนี้ ยังได้วางแผนกระจายผู้บาดเจ็บที่อาการไม่รุนแรงไปยังโรงพยาบาลต่าง ๆในจังหวัดใกล้เคียงเพื่อให้โรงพยาบาลใน กทม.สามารถรับผู้บาดเจ็บที่มีอาการหนักหรือสาหัสได้ตลอดเวลา

ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บทั้งหมดทีมกู้ชีพฉุกเฉินได้ให้การช่วยเหลือและนำส่งโรงพยาบาลทั้งหมด 19 แห่ง ประกอบด้วย รพ.พระมงกุฎเกล้า 229 คน รพ.วชิระ 160 คน รพ.กลาง 140 คน รพ.ตากสิน 62 คน รพ.หัวเฉียว 59 คน รพ.ศิริราช 44 คน รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า 39 คน รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ 18 คน รพ.เลิดสิน 8 คน รพ.ราชวิถี รพ.ตำรวจ และรพ.จุฬาลงกรณ์ แห่งละ 7 คน รพ.มิชชั่น 3 คน รพ.ภูมิพล รพ.วิชัยยุทธ (เหนือ) รพ.ศรีวิชัย 1 และรพ.บีเอ็นเอช แห่งละ 1 คน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook