สาวเสิร์ฟดื่มเบียร์ที่ลูกค้ารินให้ กว่าจะเห็นก้นแก้วก็ไม่ทันแล้ว วูบร่วงกลางอากาศ
สาวเสิร์ฟร่วงกลางอากาศ หลังลูกค้าชายรินเบียร์ให้ดื่ม เห็นก้นแก้วก็ชัดเลย แต่ไม่ทันแล้ว
วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความว่า “ตอนไป ตอนกลับ # โดนลูกค้าเอายาใส่แก้วเบียร์ #บทเรียนมากๆ#เตือนภัยคนที่ทำงานกลางคืน” พร้อมกันนี้ก็ได้โพสต์ภาพของตนเอง โดยเป็นภาพก่อนที่จะไปทำงาน และภาพของตนเองที่นอนหมดสติโดยมีเจ้าหน้าที่อาสาร่วมกตัญญูกำลังให้การช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวจึงติดต่อไปยังผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว ทราบชื่อต่อมาว่าคือ น.ส.มาย (นามสมมติ) อายุ 24 ปี โดยเปิดเผยว่า ตนทำงานหารายได้พิเศษเป็นพนักงานส่งเสริมการขายเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง ในวันเกิดเหตุคือคืนวันที่ 3 ก.พ. 2567 ตนได้ไปทำงานส่งเสริมการขายที่ร้านอาหารเปิดใหม่ร้านหนึ่ง ในพื้นที่ อ.หล่มสัก โดยทางร้านได้จัดมินิคอนเสิร์ตเพื่อโปรโมตร้าน และระหว่างที่ทำงานอยู่นั้น ก็ได้มีลูกค้าชายซึ่งมาด้วยกัน 3 คน นั่งดื่มกินโดยตนก็ได้ไปเทคแคร์ดูแลรินเครื่องดื่มให้ด้วย
ต่อมาหนึ่งในลูกค้าได้ให้ตนเองไปเอาแก้วเปล่ามา 1 ใบ พร้อมกับรินเบียร์จนเต็มแก้วแล้วก็ยื่นให้ตนเองดื่ม ตนดื่มได้ครึ่งแก้ว จากนั้นลูกค้าก็ใช้ให้ตนไปซื้อของที่บาร์หลายครั้ง รวมทั้งตนเองก็เดินไปดูแลลูกค้าโต๊ะอื่นๆ ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวก็เรียกตนกลับให้มาชงเหล้าให้อีกพร้อมทั้งรินเบียร์ให้กินอีก กระทั่งแก้วสุดท้ายเริ่มมีอาการเวียนหัวอย่างผิดปกติ ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวก็ใช้ให้ตนไปซื้อของที่บาร์อีกตนจึงถือแก้วไปด้วย เมื่อถึงจุดที่มีแสงสว่าง จึงได้สังเกตที่แก้วพบว่ามีตะกอนอยู่ก้นแก้ว ก็เลยเรียกพี่ที่ไปทำงานด้วยมาดูจึงรู้ว่า น่าจะผิดปกติแล้ว จึงได้เอาช้อนตักขึ้นมาดูพบว่า มีลักษณะเป็นเกล็ดคล้ายเม็ดยาที่ละลายไม่หมด แต่ดูได้สักพักก็เริ่มมีอาการเวียนหัวหนักขึ้น ร่างกายอ่อนแรง ยืนไม่ไหว แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หัวใจเต้นเร็ว มือเท้าชา จึงให้เพื่อนโทรเรียกรถกู้ชีพให้มารับนำส่งโรงพยาบาล
น.ส.มาย เปิดเผยอีกว่า ในคืนดังกล่าวตนไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มจากโต๊ะอื่นๆ เลย จึงได้เก็บตัวอย่างยาเพื่อส่งตรวจ และเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุ โดยตนจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะตนเกือบเอาชีวิตไม่รอดมันทรมานมาก โชคดีที่แพทย์ช่วยชีวิตและล้างท้องได้ทัน
ทั้งนี้มีลูกค้าภายในร้านซึ่งเห็นเหตุการณ์และได้เข้ามาดูเศษยาที่ตกตะกอนอยู่ก้นแก้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นยา “แฮปปี้ไฟว์”
ด้าน น.ส.เอ (นามสมมติ) เพื่อนของ น.ส.มาย เปิดเผยว่า คืนนั้นตนไปเป็นเพื่อนของ น.ส.มาย โดยได้นั่งรออยู่ภายในร้าน ต่อมา น.ส.มาย ได้มาตามตนให้ไปดูสิ่งของในแก้ว จากนั้น น.ส.มาย ก็มีอาการหน้ามืด อ่อนแรง ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งมูลนิธิให้มารับตัวไปส่งโรงพยาบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการค้นหาข้อมูลยา “แฮปปี้ไฟว์” พบว่า เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ตาม พ.ร.บ. วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ที่จัด “ไนเมตาซีแพม” เป็นวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 อีกทั้ง “แฮปปี้ไฟว์” เป็นยานอนหลับที่ออกฤทธิ์เร็ว (ภายใน 15 - 30 นาที) และออกฤทธิ์ได้นาน จึงเหมาะที่จะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การมอมยา หรือนำไปใช้เสริมกับยาเสพติดอื่นๆ เช่น ใช้ “แฮปปี้ไฟว์” ภายหลังจากการเสพยาบ้า ยาไอซ์ เพื่อให้หลับ
ทั้งนี้ อันตรายของ “แฮปปี้ไฟว์” ก็เหมือนกับยานอนหลับชนิดอื่นๆ คือ การเสพติดยานอนหลับ การกดประสาท และหากใช้ร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก็จะยิ่งเสริมฤทธิ์กดประสาทมากขึ้นไปอีก จนกระทั่งโคม่าและเสียชีวิตในที่สุดประเทศไทย ไม่มีการรับรองให้ขาย ส่วนที่มีการขายและเสพกันนั้น ต้นตอมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในปัจจุบันมีบทกำหนดโทษที่รุนแรงทั้งผู้เสพและผู้จำหน่าย กล่าวคือ หากเสพเองมีโทษจำคุก 1-5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีจูงใจชักนำยุยงส่งเสริม ใช้อุบายหลอกลวงหรือขู่เข็ญให้ผู้อื่นเสพ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-10 ปี และปรับตั้งแต่ 40,000 บาท - 200,000 บาท รณ์