เอาแล้ว! "กัน จอมพลัง" จี้สอบ ร.ต.ต. พี่สาวอาร์ม ปืนโหด ตระโกนห้ามชี้จุดทำแผนฯ

เอาแล้ว! "กัน จอมพลัง" จี้สอบ ร.ต.ต. พี่สาวอาร์ม ปืนโหด ตระโกนห้ามชี้จุดทำแผนฯ

เอาแล้ว! "กัน จอมพลัง" จี้สอบ ร.ต.ต. พี่สาวอาร์ม ปืนโหด ตระโกนห้ามชี้จุดทำแผนฯ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กัน จอมพลัง จี้ ผบ.ตร.สอบ”ร.ต.ต.”พี่สาวมือปืนตระโกนห้ามทำแผนชี้จุดจนต้องยุติเหมาะสมหรือไม่ – ด้านรองโฆษก ตร.รับส่งผลต่อภาพลักษณ์

กัน จอมพลัง พาภรรยาและครอบครัวของ นายสุทัศน์ หรือ เบิร์ด อายุ 30 ปี ที่ถูก นายภีมวัจน์ หรือ อาร์ม อายุ 30 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ใช้อาวุธปืนไล่ยิงจนเสียชีวิตอย่างอุกอาจ ถนนเพชรเกษม ต.หัวสะพาน อ.เมืองเพชรบุรี เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะเข้ามอบตัวและตำรวจนำไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ระหว่างนั้นพี่สาวของผู้ต้องหา

ซึ่งทราบว่าเป็นตำรวจหญิง ยศ ร.ต.ต.สังกัดโรงเรียนนายร้อยตำรวจเข้ามาบริเวณที่เกิดขึ้น พร้อมตระโกนแนะนำผู้ต้องหาไม่ให้ชี้จุดหรือทำแผนและให้ไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น ทำให้การทำแผนต้องยุติลง ทางภรรยาและครอบครัวผู้เสียชีวิต จึงเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมเพราะผู้ต้องหามีญาติเป็นตำรวจและเข้ามาแทรกแซงคดี ทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของ ร.ต.ต.คนดังกล่าว

กัน จอมพลัง กล่าวว่า จากการสอบถามข้าราชการตำรวจทั่วไปพร้อมกับดูพฤติกรรมของ ร.ต.ต.หญิงคนดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสม เพราะการเป็นตำรวจและเป็นญาติของผู้ต้องหากลับมาตระโกนให้คำแนะนำผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมอุกอาจแบบนั้น แม้จะอ้างว่าจะเป็นการลาราชการมา ก็อยากตรวจสอบทางวินัยเพราะมองว่าพฤติกรรมแบบนี้ทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสียหรือไม่

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตุว่าผู้ต้องหาอาจไม่รู้สิทธิ์เรื่องการทำแผนนั้น เชื่อว่าพนักงานสอบสวนมีการแจ้งสิทธิ์ของผู้ต้องหาให้ทราบแล้ว และมีการพูดคุยกับผู้ต้องหาแล้วจนยอมขึ้นรถไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไปด้วย แต่พฤติกรรมของพี่สาวผู้ต้องหา มองว่าไม่เหมาะสม เชื่อว่าชาวบ้านทั่วไปที่เห็นแบบนี้ก็คงไม่สบายใจจึงอยากให้มีการตรวจสอบ

ด้านพี่สาวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่ายังเชื่อมั่นและให้ความไว้วางใจกับตำรวจชุดคลี่คลายคดีแต่ก็ยังหวั่นว่าข้อกฎหมายอาจจะมีช่องโหว่วจนทำให้ผู้ต้องหาได้ประโยชน์ เพราะพฤติกรรมที่ผ่านมาพบว่าผู้ต้องหาหลบหนีด้วยรถหรูและมีการนัดหมายเข้ามอบตัวกับตำรวจ ส่วนมูลเหตุยืนยันว่าเป็นเรื่องในอดีตที่ทั้งสองชอบพอผู้หญิงคนเดียวกัน แต่ก็มีครอบครัวกันหมดแล้ว แต่ฝ่ายผู้ต้องหายังปักใจยั่วยุทุกครั้งที่มีการพบเจอ ซึ่งฝ่ายคนตายก็มีการหลบเลี่ยงมาตลอดจนกระทั่งมาเสียชีวิต

ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นตำรวจจริง และมีการลาราชการมาอย่างถูกต้องเพราะผู้ต้องหาสามารถใช้สิทธิ์กับบุคคลที่ไว้วางใจในการแนะนำในการต่อสู้ ส่วนการแนะนำสามารถทำได้หลายวิธีไม่จำเป็นต้องมาตระโกนบอกเพราะวันเกิดเหตุมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่หลายนาย

จึงมองว่าไม่เหมาะสมซึ่งเรื่องดังกล่าวจะต้องมีการตรวจสอบว่าผิดหรือไม่ ส่วนในทางคดีขอให้ญาติมั่นใจเพราะแม้ผู้ต้องหาจะมอบตัวแต่ตำรวจก็คัดค้านการประกันตัว อีกทั้ง ผบ.ตร.สั่งการข้ามประเทศให้ รองผบช.ภ.7 เข้ามากำกับดูแลอย่างใกล้เนื่องจากเป็นคดีอาชญากรมย้ำว่าทุกฝ่ายต้องได้รับความเป็นธรรม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook