ชายพิการเลิกเกรี้ยวกราด ยอมนั่งรถเข้ากทม. อึ้ง หลวงพ่อพูดจนเปลี่ยนเป็นคนละคน
ชายพิการเลิกเกรี้ยวกราด ยอมสละวีลแชร์ นั่งรถเข้ากทม. ไปที่กรมบัญชีกลาง หลวงพ่อเปิดใจพูดยังไงเปลี่ยนเป็นคนละคน
จากกรณี นายมณฑล อายุ 48 ปี ชายพิการใช้รถโยกสามล้อจาก จ.สุโขทัย เดินทางมาตามถนนสายเอเชียมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปที่กรมบัญชีกลาง กรุงเทพฯ เพื่อไปยืนยันตัวตน เนื่องจากถูกตัดสิทธิผู้พิการ และไม่มีบัตรประชาชน ถึงแม้หลายหน่วยงานจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการยืนยันสิทธิของผู้พิการ เพราะไม่อยากให้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เกรงจะเกิดอันตราย แต่กลับถูกปฏิเสธการช่วยเหลือในทุกด้าน
ล่าสุด นายมณฑล มาพักอาศัยอยู่ ที่วัดราชบรรทม ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา สงบสติอารมณ์ และยอมให้ พระครูชาครธรรมโสภณ หรือ หลวงพ่อรำพึง เจ้าอาวาสวัดราชบรรทม พาไปส่ง ที่กรุงเทพมหานคร ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ที่วัดราชบรรทม ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา นายมณฑล ชายพิการ มีสีหน้ายิ้มแย้ม แต่งกายนุ่งขาวห่มขาว เพื่อเตรียมตัวเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร ออกมาพบปะพูดคุยกับ พระครูชาครธรรมโสภณเจ้าวาสวัด พระสงฆ์และชาวบ้านที่มาคอยส่ง นำน้ำดื่ม ข้าวเหนียว ไก่ย่างมาให้เพื่อนำไปกินระหว่างทางและที่กรุงเทพมหานคร
นายมณฑล เปิดเผยกับ ผู้สื่อข่าวว่า ที่แต่งกายนุ่งขาวห่มขาว เนื่องจากวันนี้เป็นวันพระและตนเองเตรียมชุดขาวมาตั้งแต่ออกเดินทางจากจังหวัดสุโขทัยตั้งใจว่าจะ ในทุกวันพระจะถือศีลปฎิบัติธรรม เลิกกินเนื้อสัตว์ หลังจากตนเองเดินทางไปถึงที่กรมบัญชีกลางและดำเนินการเรื่องที่ตนเองตั้งใจที่จะทำเพื่อเรียกร้องให้กับกลุ่มเปราะบางคนเร่ร่อนที่อาศัยหลับนอนอยู่ตามสถานที่ต่างๆทั้งใน กรุงเทพมหานครและทั่วประเทศที่อาจจะไม่ได้รับสิทธิ์คนพิการเหมือนกับตนให้รัฐบาลมองเห็นกลุ่มเปราะบางเหล่านี้ด้วย
นายมณฑล กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าหลังจากนี้ตนเองจะกลับมาที่วัดราชบรรทม เพื่อสร้างพระและช่วยปั้นพญานาคที่ทางวัดกำลังสร้างอยู่
พระครูชาครธรรมโสภณเจ้าวาสวัด กล่าว นายมณฑล ได้อบรมสั่งสอน ให้ข้อคิดจนมีสติ เขามีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะทำในสิ่งที่เขาตั้งใจไว้คือการไปแสดงออกที่กรมบัญชีกลาง ทางวัดช่วยเหลือตามความตั้งใจเท่านั้น โดยมีลูกศิษย์ของเจ้าวาดวัดราชบรรทมได้ช่วยเหลือนำรถยนต์ตู้มารับ พานายมณฑลไปส่งที่กรมบัญชีกลางกรุงเทพมหานคร ส่วนรถสามล้อโยกวีแชร์ทางวัดได้นำรถยนต์กระบะยกขึ้นใส่ท้ายรถยนต์กระบะอีกคันขับติดตามไป พระสงฆ์และชาวบ้านได้ช่วยกันอุ้มนายมณฑลขึ้นนั่งรถตู้โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส
นายมณฑล ยกมือไหว้ ขอบคุณ พร้อมกับขอโทษผู้สื่อข่าวที่เคยแสดงกิริยาอาการไม่ดีกับผู้สื่อข่าว ก่อนออกเดินทางมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร
ถึงกรมบัญชีกลางแล้ว
ล่าสุด นายมณฑล เดินทางถึงกรมบัญชีกลางที่ กรุงเทพฯ แล้ว และได้เข้าพบกับ นางสาวศรีนวล อุบลวัฒนสกุล ผู้อำนวยการกลุ่มงานนโยบายสวัสดิการ กองบริหารการรับ-จ่ายเงินภาครัฐ กรมบัญชีกลาง เพื่อสอบถามถึงสิ่งที่ตนคาใจนั่นก็คือสาเหตุว่าทำไมชื่อของตนเองหายออกจากระบบทะเบียนราษฎร์ ใน อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เนื่องจากตนยังไม่เสียชีวิต หรือไปอยู่ต่างประเทศ
ด้านนางสาวศรีนวล กล่าวว่า ข้อมูลของทะเบียนราษฎร์ เป็นความรับผิดชอบของกรมการปกครองในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เพราะตามหน้าที่ของกรมบัญชีกลางแล้ว จะไม่ทราบในรายละเอียด เนื่องจากกรมบัญชีกลางมีหน้าที่จ่ายเงินสวัสดิการต่างๆ ให้กับประชาชนเท่านั้น จึงทำให้ไม่ทราบขั้นตอน โดยปกติแล้วในทะเบียนบ้าน จะมีผู้อาศัย มีเจ้าบ้าน ซึ่งคนที่จะเอาชื่อออกได้ ก็คือ เจ้าบ้าน
ตรงจุดนี้ต้องไปถามเจ้าบ้านที่เคยอยู่ในทะเบียนบ้านนั้น หรือติดต่อกับทางอำเภอที่มีทะเบียนบ้านอยู่ ซึ่งอาจจะตรวจสอบได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่จากการประสานกับหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องทราบว่า ขณะนี้ชื่อของนายมณฑล ได้มีชื่อในทะเบียนบ้านแล้ว พร้อมกลับสามารถดำเนินการขอรับสิทธิ์เบี้ยคนพิการได้ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม เป็นต้นไปในวงเงิน 800 บาทต่อเดือน
ซึ่งหลังจากได้ฟังการชี้แจงของเจ้าหน้าที่แล้ว นายมณฑล รู้สึกพอใจ และบอกว่าจะไม่เดินทางไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อทวงถามว่าเหตุใดชื่อจึงหายออกจากทะเบียนบ้าน ตอนนี้พอใจ และไม่ติดใจอะไรแล้ว วันนี้ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ พร้อมขอโทษทุกๆ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณืที่เกิดขึ้น ขอโทษที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ตอนนี้รู้สึกสบายใจและเตรียมเดินทางกลับ จ.สุโขทัย เพราะได้ทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว
ส่วนถ้าสื่อมวลชนจะมาติดตามทำข่าวในตอนนี้ตนก็ยินดี และจะไม่ทำพฤติกรรมแบบเดิมอีกแล้ว เบื้องต้นตั้งใจว่าจะกลับบ้านไปเข้าวัด ถือศีล นุ่งขาวห่มขาว สงบจิตสงบใจ
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ