ศอฉ.แจ้งความแดงยึดอาวุธ ปัดทหารยิงม็อบ

โฆษก ศอฉ. แถลง ยืนยัน ทหารไม่เคยทำร้ายประชาชน พร้อมเตรียมแจ้งความดำเนินคดีกลุ่มคนเสื้อแดง กรณียึดอาวุธและยานพาหนะทางราชการ

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เปิดเผยว่า ศอฉ.มีความกังวล กรณีอาวุธของหน่วยงานราชการและยานพาหนะที่กลุ่มคนเสื้อแดงยึดไปบางส่วน จะมีคนไม่หวังดี นำไปสร้างสถานการณ์ เพื่อนำไปใส่ความรัฐ ศอฉ. จึงรวบรวมหลักฐาน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนเสื้อแดงในวันนี้ พร้อมกันนี้ ศอฉ. ยังได้นำคลิปภาพเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. จำนวน 5 คลิป มาเปิดผ่านจอโปรเจกต์เตอร์ เพื่อชี้แจงพร้อมอธิบายการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเกรงว่า ประชาชน อาจจะเข้าใจผิด หากรับชมคลิปดังกล่าวผ่านทางสื่ออินเทอร์เนต โดยยืนยันว่า ทหารไม่ได้ทำร้ายประชาชน และยินดีได้รับการตรวจสอบจากขบวนการยุติธรรม

นอกจากนี้ พ.อ.สรรเสริญ ยืนยัน เจ้าหน้าที่ ได้หยุดการปฏิบัติขอคืนพื้นที่ ตั้งแต่เวลา 18.30 น. ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นฝ่ายเคลื่อนหาเจ้าหน้าที่ เพื่อผลักดันเอง จึงทำให้เกิดการเผชิญหน้า แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีการประกาศใช้กฎอัยการศึก เพราะหากประชาชนเข้าใจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เพียงพอแล้ว

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงการประชุมในช่วงเช้า ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคง ในฐานะ ผู้อำนวยการ ศอฉ. เป็นประธานว่า ที่ประชุมยังเน้นย้ำเรื่องการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะ ตามจุดตรวจต่างๆ ให้มีความเข้นข้นขึ้น แม้ขณะนี้ ตำรวจ ทหาร และพลเรือน จะอยู่ระหว่างการฟื้นฟูกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมต่อไป โดยให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด ส่วนกรณีที่ กลุ่มคนเสื้อแดง จะคืนพื้นที่ผ่านฟ้า มารวมที่แยกราชประสงค์จุดเดียวนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีส่วนหนึ่ง แต่ถ้าจะให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติอย่างแท้จริง ก็ควรจะไปรวมกันที่เวทีผ่านฟ้าจุดเดียวมากกว่า เพราะแยกราชประสงค์เป็นแยกเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ โฆษก ศอฉ.ยังระบุด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในภารกิจขอคืนพื้นที่ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.นั้น เป็นเรื่องการก่อการร้ายไม่ใช่เรื่องการเมือง โดยแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง จะปฏิเสธไม่ได้ว่า ไม่ทราบว่ามีผู้กลุ่มก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ในพื้นที่การชุมนุม