สาวหาคู่เจอลุงชาวสวน อายุห่าง 19 ปี ยอมแต่งด้วยแม้คิดว่าจน ที่แท้ผ้าขี้ริ้วห่อทอง
สาวเล่าชีวิตสุดพลิกผัน ตัดสินใจแต่งงานกับลุงชาวสวน อายุมากกว่า 19 ปี แม้คิดว่ายากจน หารู้ไม่ที่แท้เป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง
เว็บไซต์ kenh14.vn รายงานเรื่องราวของหญิงชาวเวียดนามซึ่งชีวิตพลิกผัน หลังจากแต่งงานกับชายชาวเกาหลี ซึ่งอายุมากกว่าตัวเอง 19 ปี ที่พบกันผ่านการหาคู่ ในตอนแรกเธอนึกว่าเป็นเพียงคุณลุงชาวสวนธรรมดา ๆ ผู้มีฐานะยากจน โดยไม่รู้มาก่อนว่านี่คือผ้าขี้ริ้วห่อทองที่แท้จริง
รายงานข่าวระบุว่า นางดาวถี่ไท่ ซึ่งปุจจุบันอายุ 35 ปี จากเมืองไฮฟอง เติบโตมาอย่างยากลำบากในครอบครัวที่ยากจน เธอสูญเสียพ่อไปตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ในปีเดียวกันนั้นเธอก็ป่วยหนักจนดวงตามีฝ้าขาว แทบจะมองไม่เห็น แม้ต่อมาจะได้รับการรักษาจนดวงตากลับมามองเห็นได้ 1 ข้าง อีกข้างหนึ่งก็ยังมองเห็นเป็นภาพมัว ๆ
เพราะฐานะยากจน นางดาวถี่ไท่จึงต้องออกจากโรงเรียนหลังจบชั้น ม.3 และไปหางานทำในตอนเหนือของเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นงานผู้ช่วยในครัว แม่บ้าน งานใช้แรงงาน ซักผ้า ทำความสะอาด เพื่อเลี้ยงชีพและช่วยเหลือครอบครัว
แต่ในจุดหนึ่งเมื่อคิดว่าแม่เริ่มแก่ลงเรื่อย ๆ อีกทั้งพี่ชายก็ยังลำบากกับการเลี้ยงลูก หลังภรรยาของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอจึงคิดว่าตัวเองควรจะแต่งงานกับชาวต่างชาติ เพื่อให้ชีวิตเกิดความเปลี่ยนแปลง
ในสมัยนั้นผู้คนในชนบทของเวียดนามช่วงนั้น มีค่านิยมในการแต่งงานกับชายต่างชาติผ่านบริษัทหาคู่ โดยเจ้าสาวเวียดนามส่วนมากจะเป็นเด็กสาววัย 20 กว่าปี จากครอบครัวที่ยากลำบาก ใฝ่ฝันจะได้เปลี่ยนชีวิตผ่านการแต่งงาน
ขณะที่เจ้าบ่าวส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการหาคู่ ต่างเป็นชายแก่หรือมีปัญหาบางอย่าง จนยากที่จะหาคู่ครอง
แม้จะรู้ว่าโอกาสได้พบเจ้าบ่าวดี ๆ มียาก แต่นางดาวถี่ไท่ก็ยังหวังว่าตัวเองจะโชคดี ในปี 2551 เธอตัดสินใจเซ็นสัญญากับบริษัทหาคู่แห่งหนึ่ง และได้รับการแนะนำให้รู้จักกับคุณลุงชาวสวนวัย 40 ปี ผู้มีใบหน้าอ่อนโยน
ข้อมูลทั้งหมดที่เธอรู้เกี่ยวกับตัวเขาคือ ผู้ชายคนนี้อายุมากกว่าเธอ 19 ปี เขามีสวนแอปเปิล และมาจากจังหวัดคย็องซังเหนือ ของเกาหลีใต้
"ฉันกับสามีอายุห่างกัน 19 ปี เราไม่มีเวลาที่จะออกเดทหรือรู้จักกัน แต่เพียงผ่านการแนะนำจากผู้จับคู่เท่านั้น
ตอนที่ฉันได้ยินเขาแนะนำตัวว่าเป็นเกษตรกร ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนซื่อ ๆ ครอบครัวเขามีสวนอยู่แล้ว หากเขาขยันทำงานหนัก เราก็คงมีอนาคตที่มั่นคงได้
ตอนที่เราคุยกันฉันสัมผัสได้ว่าเขาเป็นคนอ่อนโยนและจริงใจ เขาอายุมากแล้วเลยมีประสบการณ์ชีวิตมาก ฉันอุ่นใจเมื่ออยู่กับเขา จึงยอมตกลงแต่งงานด้วย" นางดาวถี่ไท่ กล่าว
อย่างไรก็ตาม สามีได้บอกไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานว่า พวกเธอจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่ที่แก่ชราของเขา เธอจึงคิดว่าชีวิตในเกาหลีใต้คงไม่ง่ายแบบในหนัง แต่เธอก็จะพยายามทำงานหนักเพื่อดูแลสวน เชื่อว่าด้วยอาชีพของเขา เธอคงเลือกอะไรไม่ได้มากนัก
หลังจากแต่งงาน เพิ่งจะรู้ว่าสามีคือผ้าขี้ริ้วห่อทองตัวจริง
เมื่อเธอมาถึงเกาหลีใต้ในเดือนมีนาคม 2552 นางดาวถี่ไท่จึงค้นพบว่าสามีไม่ได้ยากจนแบบที่คิด ในทางกลับกัน ครอบครัวของเขามีที่ดินในครอบครองมากมาย ทำสวนปลูกแอปเปิลและพริก
ไม่เพียงเท่านั้น พื้นที่ทำการเกษตรของเขากว้างใหญ่มาก ครอบครัวจึงมีเครื่องจักรและสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง แตกต่างจากภาพการใช้แรงงานที่เธอคิดไว้ งานต่าง ๆ ล้วนทำโดยเครื่องจักร คนมีหน้าที่ควบคุมและทำงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน เช่น เก็บเกี่ยว และตัดแต่งกิ่ง
นางดาวถี่ไท่ เผยว่า เธอไม่มีอุปสรรคด้านภาษานัก เพราะเคยเรียนภาษาเกาหลีตั้งแต่อยู่ที่เวียดนาม อีกทั้งทางศูนย์สนับสนุนคนต่างชาติในจังหวัดก็ยังส่งครูมาช่วยสอนภาษาให้ถึงบ้าน
แต่อุปสรรคใหญ่ที่สุด ของเธอก็คือการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เพราะเธอต้องทิ้งบ้านเกิดไปอยู่อาศัยกับครอบครัวใหม่ แต่นางดาวถี่ไท่ก็ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวของสามี ที่คอยดูแลสะใภ้คนนี้เป็นอย่างดี แม่สามีก็เอ็นดูเธอ ทั้งพาไปเลือกซื้อเสื้อผ้าใหม่ แถมยังทำอาหารอร่อย ๆ ให้กินเพื่อสุขภาพของเธอ
ในตอนแรกทั้งคู่ยังไม่ได้รักกันมากนัก แต่สามีก็เปิดบัญชีธนาคารไว้ให้ภรรยาส่งเงินกลับไปให้ครอบครัว เขายังให้บัตรเครดิตเธอไว้ใช้จ่าย จนเมื่อเธอคลอดลูกชายคนแรกในปี 2553 ความสัมพันธ์ของคู่สามีภรรยาก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น และมีลูกชายอีกคนในอีก 2 ปีต่อมา
หลังจากใช้ชีวิตคู่ด้วยกันเป็นเวลา 15 ปี ปัจจุบันทั้งคู่ทำงานหนักด้วยกัน พวกเขามีทั้งที่ดินซึ่งได้รับจากพ่อแม่สามี และยังกว้านซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายพื้นที่เกษตรกรรม
จนตอนนี้ทั้งคู่กลายมาเป็นผู้ประกอบการที่มีพื้นที่เกษตรกว้างใหญ่ ไม่เพียงแค่ปลูกแอปเปิลกับพริก ยังมีผลไม้อื่น ๆ อย่าง องุ่น พลัม ลูกพีช รวมถึงพืชผักอื่น ๆ อีกมากมาย แถมยังเลี้ยงผึ้งเพื่อเก็บน้ำผึ้ง และมีโรงงานผลิตน้ำแอปเปิลกับน้ำผักที่ทำจากผลผลิตของพวกเขาเองด้วย
นางดาวถี่ไท่ นับเป็นหนึ่งในคนดังที่มีผู้ติดตามบนโซเชียลกว่า 125,000 คน เธอจึงมักขายสินค้าเกษตรและโสมเกาหลีผ่านช่องทางออนไลน์ เธอยอมรับว่าคนที่เพิ่งรู้จักเธอ มักนึกว่าเธอคงได้รับความรักจากครอบครัวสามีมาก จนมีชีวิตดี ๆ แบบนี้ ไม่ได้รับรู้ถึงความพยายามกับความลำบากที่เธอเผชิญ
ในส่วนความสัมพันธ์กับสามี เพราะทั้งคู่ต่างยุ่งอยู่กับการทำงาน ทำให้แทบไม่มีเวลาไปออกเดตในสถานที่หรูหรา ไม่มีเวลาไปเที่ยว ไปร้านอาหารด้วยกัน ส่วนใหญ่พวกเขาจะอยู่แค่ในสวน หรือกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดภรรยาที่เวียดนามเท่านั้น
แต่นางดาวถี่ไท่มองว่า เธอโชคดีที่มีสามีเป็นคนอ่อนโยน ให้เกียรติผู้อื่น ไม่ดื่มเหล้า ไม่ออกไปเที่ยว และเธอกับเขาต่างก็ชอบทำการเกษตร รวมถึงมองหาช่องทางขยายธุรกิจ ดังนั้นยิ่งอยู่ด้วยกันเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งกลมเกลียวและเข้าใจกันมากขึ้นเท่านั้น
ทัศนคติต่อชีวิตที่มีความสุข คิดบวก และขยันขันแข็ง ทำให้เธอเป็นที่รักของทั้งพ่อแม่และน้องชายของสามี หลังพ่อสามีเสียชีวิต แต่เธอและสามียังคงเลือกที่จะอาศัยอยู่กับแม่สามีเพื่อดูแลแม่สามีในวัยชรา
ล่าสุด เธอและสามีเดินทางกลับเวียดนามเพื่อมาเยี่ยมครอบครัว 2-3 สัปดาห์ จากนั้นกลับมาเกาหลีเพื่อเฉลิมฉลองวันปีใหม่ทางจันทรคติกับครอบครัวสามี ทั้งครอบครัวรวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองและรับประทานอาหารอย่างมีความสุข
อัลบั้มภาพ 26 ภาพ