พูดครั้งแรก! "เสี่ยบอย" น้ำตาปริ่ม แฉถูก จนท.ชี้นำ-บังคับให้เซ็นรับ คดีเป้รักผู้การ 140 ล้าน
“บอย พัทยา” เปิดใจนํ้าตาคลอ หลังรับทราบข้อหา พ.ร.บ.อุ้มหายฯ คดีเป้รักผู้การ 140 ล้าน เผยถูกกดดันไม่ได้รับความเป็นธรรมจากชุดทํางานแรก
วันนี้ (16 ก.พ. 67) นายนายวีระ หรือบอย พัทยา หนึ่งในผู้ต้องหาคดีอดีตผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดชลบุรีรีดทรัพย์เว็บพนันออนไลน์ จํานวน 140 ล้านบาท เปิดเผยภายหลังเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ว่า วันนี้ตนเดินทางมาเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย ซึ่งตนเองได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว เพราะว่าตนไม่เคยกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือบังคับขู่เข็ญใคร
โดยนายบอย กล่าวนํ้าตาคลอด้วยว่า ตนเองดีใจที่ได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์สื่อมวลชลและมีการเปลี่ยนชุดทํางานใหม่ เพราะที่ผ่านมาตนเองไม่เคยทีโอกาสได้พูดหรือชี้แจงใดๆ เนื่องจากถูกกดดันอย่างหนักและถูกชี้นําจากชุดทํางานชุดแรกที่มีการบังคับให้ตนเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาในสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำ ทําให้รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ไปไหนมาไหนก็รู้สึกอับอาย
ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ที่ตนเดินทางออกนอกประเทศไปนั้นยอมรับว่ามีการเดินทางออกนอกประเทศจริง แต่ตอนนั้นยังไม่มีหมายจับ และเป็นการเดินทางไปคุยเรื่องธุรกิจ หลังเดินทางกลับไทยทราบว่ามีหมายจับ จึงติดต่อประสานขอเข้ามอบตัวทันที อย่างไรก็ตามตนมั่นใจในการทํางานของชุดทํางานใหม่ เพราะมีโอกาสได้พูดและชี้แจงประเด็นต่างๆ ซึ่งตนจะนําพยานหลักฐานมายื่นเพิ่มให้กับคณะพนักงานสอบสวนในอีก 15 วัน
ทั้งนี้นายบอย ยอมรับว่า รู้จักกับอดีตผู้การฯชลบุรีจริงแต่ไม่ได้สนิทกัน นับถือเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ เนื่องจากเจอกันตามงานสังคมทั่วไป ส่วนนายเป้ ตนเพิ่งมารู้จักกันและได้พูดคุยกันบ้างและรู้ด้วยว่านายเป้ทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร ส่วนนายต้น ผู้ต้องหาอีก 1 ราย ที่ยังหลบหนีอยู่ตอนนี้ ยืนยันว่าเพิ่งมารู้จักกันในวันที่เกิดเหตุ ส่วนจะดําเนินคดีกับชุดทํางานแรกหรือไม่นั้น ขอให้ว่ากันไปตาทกฎหมาย