หลวงพี่น้ำฝน จับสึก 2 หลวงตา Work from Home ไม่ยอมกลับวัด เสื่อมเสียวงการสงฆ์

หลวงพี่น้ำฝน จับสึก 2 หลวงตา Work from Home ไม่ยอมกลับวัด เสื่อมเสียวงการสงฆ์

หลวงพี่น้ำฝน จับสึก 2 หลวงตา Work from Home ไม่ยอมกลับวัด เสื่อมเสียวงการสงฆ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม จับสึก 2 หลวงตา Work from Home ไม่ยอมกลับวัด เสื่อมเสียวงการสงฆ์

เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 67 หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครปฐม ลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านพักแห่งหนึ่งย่านถนนกั๋งบ๊วย ในตัวเมืองนครปฐม หลังจากมีชาวบ้านร้องเรียนว่ามีพระสงฆ์ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมโดยไม่กลับวัดต้นสังกัดและอาศัยอยู่ที่บ้านพักดังกล่าวมาเป็นแรมปี ซ้ำยังมีการขับรถกระบะไปจอดเพื่อบิณฑบาตและขับกลับมาจอดทิ้งไว้ที่สวนธารณะใกล้บ้าน เกือบทุกวัน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมสร้างความไม่สบายใจกับพุทธศาสนิกชนที่พบอยู่เป็นประจำ

เมื่อหลวงพี่น้ำฝนและเจ้าหน้าที่ไปถึงที่บ้านหลังดังกล่าว ได้พบกับพระภิกษุสงฆ์ วัย 80 ปี ตามที่ได้รับรายงาน จึงนิมนต์มาสอบถามหาหนังสือประจำตัว พบว่ามีความผิดปกติ โดยหลวงตา มีอาการไม่พอใจแสดงความขัดขืนเพื่อจะขอหนังสือเอกสารประจำตัวกลับคืน จึงได้เชิญให้ไปทำการสอบสวนที่วัดไผ่ล้อมเพื่อประสานไปยังเจ้าอาวาสวัดต้นสังกัดที่จังหวัดกาญจนบุรี แต่ไม่พบหลักฐาน จึงประสานนำตัวหลวงตาส่งไปให้เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ สอบสวนอีกชั้นหนึ่ง

จากนั้นเมื่อคณะสงฆ์ได้นิมนต์เชิญไปพบกับพระครูทักษิณานุกิจ เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ ได้ทำการสอบสวนและพยายามติดต่อกลับไปที่วัดต้นสังกัดอีกครั้ง กระทั่งได้คุยโทรศัพท์กับเจ้าอาวาส โดยเจ้าอาวาสได้แจ้งว่าหลวงตา เป็นพระจริงแต่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่วัดดังกล่าวแล้ว ซึ่งขัดแย้งกับหนังสือเอกสารที่มีอยู่ในมือ เมื่อสอบสวนจึงพบว่าเป็นการดำเนินการเขียนเองและประทับตราโดยไม่มีเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอลงนาม จึงได้สั่งการให้ทำการสึกทันที

ขณะที่อีกรายมีประชาชน แจ้งว่าพบพระภิกษุ ไม่กลับวัดและมีการปักกลดอยู่ใกล้กับโรมแรมชื่อดังริมถนนเพชรเกษม อยู่นานประมาณ 3 เดือน จึงได้เข้าไปตรวจสอบ พบพระภิกษุวัย 60 ปี ตามที่ร้องเรียนคือจะอาศัยปักกลดอยู่ริมถนนเพชรเกษม เพื่อไปบิณฑบาตและรับปัจจัยจากญาติโยม โดยมีต้นสังกัดอยู่จังหวัดสุพรรณบุรี จากนั้นได้นิมนต์ไปให้ เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ ดำเนินการจับสึกอีก 1 ราย

พระครูทักษิณานุกิจ เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม กล่าวว่า สำหรับกรณีพระที่ถูกจับสึกนั้น เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนให้มีการตรวจสอบว่ามีพระภิกษุสงฆ์ ออกบิณฑบาตและมาพักบ้านโยมนานนับปี โดยมีหลวงพี่น้ำฝน ได้ทำหน้าที่พระวินยาธิการ ได้นำมาให้ตรวจสอบ ก็พบว่าเป็นเรื่องจริงตามที่ได้รับร้องเรียนมา ตรวจสอบใบสุทธิก็พบว่ามีการปลอมแปลงใบสุทธิมีการอาศัยอยู่เป็นหลักแหล่ง ตามกฎของมหาเถระสมาคมก็สามารถจับสึกลาสิกขาได้เลย

หากมีการร้องเรียนเข้ามาอีก ก็จะมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎของมหาเถระสมาคมซึ่งมีกฎระเบียบไว้อยู่แล้ว ซึ่งหากเคยมีการตักเตือนแล้วและยัง มีการประพฤติเช่นเดิมอีก ก็สามารถจับสึกได้อีกเช่นกัน โดยคณะสงฆ์ก็ต้องมีการเข้มงวดกวดขันโดยเฉพาะคณะผู้ปกครองที่ต้องเคร่งครัด

ด้าน พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะทำงานดำเดินการแก้ไขข้อขัดข้อง ระงับเหตุ และแก้ไขปัญหาอธิกรณ์ข้อร้องเรียนในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค 14 เรื่องพฤติกรรมของพระที่อาศัยบ้านอยู่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมาสักพักหนึ่งแล้ว ซึ่งได้ให้ลูกศิษย์และทีมงานเข้าตรวจสอบอยู่ตลอด แต่ด้วยมีภารกิจเยอะก็ยังไม่ได้เข้ามาดูด้วยตนเอง กระทั่งมีคนร้องเรียนเข้ามาอีกจึงได้ลงพื้นที่ติดตามไปจนถึงบ้านพักแล้วก็พบตัวตามที่มีการร้องเรียนมา

จากการตรวจสอบหนังสือสุทธิ ก็พบว่าเป็นการปลอมแปลงขึ้นมา เมื่อสอบถามไปยังเจ้าอาวาสต้นสังกัดแจ้งว่าไม่ได้อยู่แล้ว แต่มีการลงนามว่าอาศัยอยู่ที่สำนักสงฆ์ ซึ่งตามหลักก็ผิดอยู่แล้ว เพราะพระภิกษุสงฆ์จะต้องมีวัดต้นสังกัดและอยู่ที่วัดในการทำวัดด้วย ดังนั้นจึงได้ดำเนินการตามขั้นตอน ในการส่งตัวไปให้เจ้าคณะตำบลพระปฐมเจดีย์ทำการสอบสวน ซึ่งท่านได้แจ้งกลับมาว่าพบความผิดจริงตามที่มีการร้องเรียน ทางเจ้าอาวาสต้นสังกัดก็ได้แจ้งว่าสามารถให้ลาสิกขาออกไปได้เลย

ซึ่งในทั้งสองกรณีที่มีการจับสึก เป็นการทำงานที่บูรณาการร่วมกันของคณะสงฆ์ ภาค 14 มีเจ้าคณะจังหวัดเป็นประธานและมีเจ้าคณะอำเภอทุกอำเภอเป็นรองประธานรวมถึงคณะสงฆ์ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระวิญญาณธิการก็จะสามารถดำเนินการเต็มรูปแบบ ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะมีคณะทำงานที่ดำเนินการทั้งในพื้นที่จังหวัดนครปฐมและพระสงฆ์จากพื้นที่อื่นที่จะเข้ามาปฏิบัติตนไม่เหมาะสมในพื้นที่ได้แน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook