สมชาย ยืนยันเดินหน้าขอพระมหากรุณาธิคุณ
สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยืนยันเดินหน้าขอเข้าเฝ้าฯ เพื่อขอพระมหากรุณาธิคุณแก้ไขปัญหาบ้านเมือง เชื่อเป็นแนวทางแก้ปัญหาบ้านเมือง พร้อมหนุนกรรมการสิทธิฯ เปิดเจรจารอบใหม่ แต่ควรเป็นทางลับ และให้ตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลเข้าร่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (21 เม.ย.) นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ได้เดินทางเข้าพบ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อขอข้อแนะนำในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่เกิดขึ้น
หลังใช้เวลาหารือนานกว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง นายสมชาย เปิดเผยว่า ได้พูดคุยเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหาบ้านเมือง ซึ่งสิ่งที่ตนเสนอก็คือ สิ่งที่เคยแถลงการณ์ออกไปแล้ว 5 ข้อ ร่วมกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการสิทธิฯ จะต้องแก้ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการใช้กำลังปราบปรามประชาชน เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้น ควรใช้มาตรการทางกฎหมาย ผิดถูกว่าตามข้อเท็จจริง
นายสมชาย ยังเห็นว่า การจะยุติปัญหาต้องมีการเจรจาในทางลับ ไม่ควรถ่ายทอดสดผ่านสื่อ ซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ควรเป็นเจ้าภาพเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาหารือ รวมทั้งให้ตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาลเข้าร่วมด้วย แต่ตนคงไม่เข้าไปร่วมด้วย เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เท่านั้น
ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงยังปิดช่องทางการเจรจานั้น นายสมชาย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องหาทางกันต่อไป ซึ่งรัฐบาลควรยื่นข้อเสนอไปบ้างเพื่อให้เกิดการเจรจา ขณะเดียวกัน คณะกรรมการสิทธิฯ ควรเข้าไปไกล่เกลี่ยเหตุการณ์ที่อาจนำไปสู่การปะทะกัน โดยขอให้ทุกฝ่ายไม่ใช้ความรุนแรง การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง การใช้กำลังปราบปรามคงไม่ได้ผล รวมทั้งไม่อยากให้นายกรัฐมนตรีอยู่ในค่ายทหาร เพราะจะทำให้ภาพดูเหมือนว่าถูกครอบงำ ซึ่งการที่แต่งตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้กำกับการปฏิบัติงานหัวหน้าผู้รับผิดชอบและพนักงานเจ้าหน้าที่ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ก็รู้สึกสบายใจ เพราะเท่าที่เคยทำงานร่วมกับ พล.อ.อนุพงษ์ ไม่มีแนวคิดใช้ความรุนแรงหรือการปฏิวัติ
เมื่อถามว่า ได้พูดคุยถึงข้อเสนอที่จะขอเข้าเฝ้าฯ เพื่อขอพระมหากรุณาธิคุณแก้ไขปัญหาบ้านเมืองหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่คงจะเดินหน้าต่อ โดยให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่เป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบ และขอย้ำว่า ไม่มีเจตนาที่จะกระทำการไม่เหมาะสม แม้จะมีหลายคนออกมาต่อต้าน เพียงแต่เห็นว่า พระมหากรุณาธิคุณจะสามารถช่วยแก้ไขและคลี่คลายความขัดแย้งในประเทศที่เกิดขึ้นได้ และขอยืนยันว่า ตนมีความจงรักภักดี