“พ่อตะวัน” ยื่นประกันลูก รอบที่ 3 ย้ำหลังจากนี้จะไม่ให้ยุ่งการเมืองอีก

“พ่อตะวัน” ยื่นประกันลูก รอบที่ 3 ย้ำหลังจากนี้จะไม่ให้ยุ่งการเมืองอีก

“พ่อตะวัน” ยื่นประกันลูก รอบที่ 3  ย้ำหลังจากนี้จะไม่ให้ยุ่งการเมืองอีก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“พ่อตะวัน” ยื่นประกันลูก รอบที่ 3 ยันไม่มีพฤติการณ์ “ยุยงปลุกปั่น พร้อมย้ำว่าหากลูกออกมา จะไม่ให้ยุ่งการเมืองอีก

วันนี้ (24 ก.พ 67) เวลา 10.00 น. นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ พ่อของตะวัน หรือ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักกิจกรรมทางการเมืองที่ถูกศาลอาญาอนุมัติฝากขังในคดีตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 จากกรณีขัดขวางขบวนเสด็จพระราชดำเนิน วันนี้ พ่อของ น.ส.ทานตะวัน จึงเดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นประกันตัวตะวันอีกครั้ง

หลังจากที่ตะวัน ได้อดข้าวอดน้ำประท้วงจากกรณีที่ถูกฝากขัง จนทำให้เกิดอาการวิกฤตและต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีนายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ “สายน้ำ” ผู้ต้องหาในคดีพ่นสีกำแพงพระบรมมหาราชวัง และมวลชนที่สนับสนุนบางส่วน เดินทางมาร่วมให้กำลังใจด้วย

โดยนายสมหมาย เปิดเผยว่า วันนี้ตนได้เดินทางมาที่ศาลอาญา เพื่อขอความเมตตาให้ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวตะวันและแฟรงค์ หลังจากที่เมื่อวานนี้ ตนได้ไปเยี่ยมทั้งคู่ที่โรงพยาบาล พบว่าทั้งคู่อาการหนักมาก โดยเฉพาะตะวันผอมซูบจนเห็นหนังติดกระดูก ซึ่งแพทย์ประเมินอาการว่า หากไม่รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจจะอาการหนักถึงชีวิตได้หรืออาจจะไม่สามารถรักษาแก้ไขได้อีก

ส่วนประเด็นที่ทั้งสองแสดงเจตจำนงปฏิเสธรับการรักษานั้น นายสมหมายทราบเพียงว่า ทั้งคู่ไม่รับยาใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากจิบน้ำตามเวลา ซึ่งตนก็กังวลและหวังว่าวันนี้ศาลจะเมตตาให้ประกันตัว เพื่อที่ทั้งคู่จะได้ออกมาต่อสู้คดีและรับการรักษาพยาบาล แต่หากวันนี้ศาลมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว ตนและภรรยาร่วมกับแพทย์ ก็คงจะต้องเกลี้ยกล่อมทั้งคู่ให้รับการรักษาต่อไป อย่างน้อยที่สุดเป็นการรักษาชีวิต เพื่อที่จะได้มีแรง ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ต่อสู้ในวันข้างหน้าต่อไป

เพราะตอนนี้ทั้งคู่ไม่มีเรี่ยวแรงใด ๆ ที่จะฝากอะไรอีกแล้ว ถ้าหากว่าตอนนี้ไม่ช่วยให้สองคนนี้ออกมา ก็อาจจะต้องเสียชีวิต ซึ่งอย่างไรก็ตามต้องรอผลวันนี้ว่าศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่ หรือเคาะหลักทรัพย์การประกันตัวจำนวนเท่าไหร่

และเหตุการณ์วันที่มีการขัดขวางขบวนเสด็จว่า ในวันนั้นสายน้ำและแฟรงค์จะเดินทางไปร่วมงานศพของแนวร่วมทะลุฟ้ารายหนึ่งที่เสียชีวิต ซึ่งปกติทั้งคู่จะใช้รถกระบะในการโดยสาร

แต่วันนั้นปรากฏว่ารถเสีย จึงต้องไปหยิบยืมรถของคนอื่นมาใช้ ดังนั้นรถในวันเกิดเหตุ จึงไม่ใช่รถของตะวันและแฟรงค์ ซึ่งหลังจากร่วมงานศพเสร็จแล้ว ทั้งคู่จะเดินทางไปทำธุระส่วนตัวต่อ จึงปรากฏเห็นว่า ทั้งคู่ได้ขับรถไปที่ทางด่วนด่านพหลโยธินที่เกิดเหตุ วันนั้นทั้งคู่เพียงแค่ขับรถที่จะลงทางด่วน แต่ดันไปเจอกับรถปิดท้ายขบวนเสด็จ จึงเกิดการปะทะคารมกับตำรวจตรงนั้น

แต่ขอให้สังเกตดูว่า โดยปกติแล้ว ขบวนเสด็จพระราชดำเนินของพระราชวงศ์ แทบจะไม่มีใครทราบหรือรู้ว่า พระองค์จะเสด็จไปทางไหน เวลาไหน และมีโอกาสที่ผู้สัญจรผ่านไปมาทั่วไปจะพบเจอขบวนเสด็จได้ ในวันนั้นตะวันแล้วแฟรงค์เพียงแค่จะลงทางด่วนทางเดียวกันเพื่อไปธุระส่วนตัว จึงเป็นไปได้ยังไงที่ทั้งคู่จะมีเจตนาที่จะยุยง ปลุกปั่น ไปขัดขวางขบวนเสด็จ เพราะทั้งคู่ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมีขบวนเสด็จผ่านมา

และอีกประการหนึ่งที่ตนตั้งข้อสงสัยคือ โดยปกติแล้วขบวนเสด็จพระราชดำเนินจะใช้ความเร็วอยู่ที่ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยจากในคลิปจะเห็นว่า ทั้งคู่ใช้เวลา 31 วินาที ซึ่งตอนนั้นขบวนน่าจะขับไปไกลมากแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่ตะวันและแฟรงค์จะใช้ความเร็วเพื่อที่จะแซงหรือขัดขวางขบวนเสด็จ จึงทำได้เพียงแค่บีบแตรแสดงความไม่พอใจให้กับตำรวจแค่นั้น และยังตั้งประเด็นอีกว่า จากที่มีกลุ่มไอโอพยายามจะบิดเบือนข้อเท็จจริงอ้างว่า ทั้งคู่พยายามที่จะจอดเบียดแซงขบวนเสด็จนั้น ตนมองว่า ถ้าทำถึงขนาดนั้นจริง ป่านนี้ทั้งคู่น่าจะถูกยิงไปแล้วหรือไม่ก็ถูกจับกุมตั้งแต่วันนั้นแล้ว เพราะมิเช่นนั้นทางตำรวจก็จะถูกตั้งข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157

หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตน ได้มีการต่อว่าสั่งสอนตักเตือนตะวันไปแล้วว่าอย่าทำแบบนี้อีก แต่ตนก็ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะร้ายแรงจนถึงขนาดนี้ ซึ่งยอมรับว่า ตะวันอาจจะใช้ถ้อยคำน้ำเสียงหรือแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่ฝากไปถึงสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ให้ลองคัดเสียงเอาแค่คำถามของทั้งคู่มานำเสนอหรือมาเขียนเป็นตัวหนังสือ ก็จะเห็นว่า คำถามของทั้งคู่นั้น เข้าข่ายพฤติการณ์ปลุกปั่น ยั่วยุให้เกิดความแตกแยกตามมาตรา 116 หรือไม่ และหากตะวันได้รับการปล่อยตัวออกมาได้ ตนจะไม่ให้เขายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกต่อไป

ด้านสายน้ำ กล่าวเสริมว่า การยื่นขอประกันครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกเป็นการยื่นในวันที่มีการขอฝากขัง ส่วนครั้งที่ 2 พ่อของทานตะวันเป็นผู้ยื่นขอประกัน โดยขอย้ำอีกครั้งว่า คดีนี้ยังคงอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งยังไม่ถูกส่งไปที่ชั้นพนักงานอัยการ ซึ่งใกล้จะครบผัดแรกแล้วคือ 12 วัน และต้องมาลุ้นกันว่าพนักงานสอบสวนจะมีการยื่นฝากขังในผัดที่ 2 หรือไม่

ทั้งนี้ ศาลแขวงดุสิตได้เคยลงความเห็นไว้ว่า การออกหมายเรียกทั้ง 2 ครั้ง กระชัดชิดเกินไป และโดยปกติแล้วในคดีลหุโทษหรือคดีทั่วไป ก็สามารถทำเรื่องของเลื่อนได้ อีกทั้งคู่จะมีพฤติการณ์หลบหนีก็ไม่ใช่ เพราะทั้งคู่ไม่เคยหลบหนีมาก่อน ทั้งคู่ก็มาปรากฏตัวที่ศาลเป็นประจำและทุกครั้งที่ได้หมายเรียกก็มาตามหมายเรียกตลอด ส่วนการจะไปยุ่งกับพยานหลักฐาน คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นเพียงเด็กแค่ 2 คน จะไปยุ่งกับพยานหลักฐานได้อย่างไร จึงมองว่า ไม่มีเหตุสมควรที่พนักงานสอบสวนจะขอออกหมายจับตั้งแต่แรก

สุดท้าย นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ พ่อของตะวัน โชว์คำร้อง ศาลอาญารัชดาภิเษก โดยในใบคำร้องเขียนระบุข้อความว่า วันนี้เป็นวันมาฆบูชา เป็นวันที่พุทธศาสนิกชน ได้ทำบุญปล่อยนก ปล่อยปลางานนาย ณัฐนนท์ ได้ทำการอดอาหาร จนอาการในขณะนี้วิกฤต ทำให้อาจเสียชีวิต ในไม่ช้าไม่ จึงขอความกรุณาจากศาลให้ทำการปล่อยตัว นายณัฐนนท์ และนางสาวทานตะวัน ให้เขาได้ประพฤติตัวและแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดและทำความดีให้กับสังคมในครั้งต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook