กทม.เปิดตัวรถบีอาร์ที ก่อนเปิดให้บริการจริง 15 พ.ค.นี้
กทม.เปิดตัวรถโดยสารบีอาร์ที ก่อนเปิดให้บริการจริง 15 พ.ค.นี้ ในเส้นทางนนทรี-ราชพฤกษ์ระยะทาง 15.9 กิโลเมตร และให้บริการฟรี 3 เดือนครึ่ง เริ่มเก็บจริง 1 ก.ย. อัตรา 10 บาทตลอดเส้นทาง ต้นปี 2554 อัตราค่าโดยสารจะเริ่มที่ 12-20 บาท มั่นใจสามารถบรรเทาปัญหาจราจรทันเปิดเทอมแน่นอน
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เป็นประธานเปิดตัวรถโดยสารด่วนพิเศษ "บีอาร์ที" ซึ่งเป็นรถโดยสารจริงที่จะใช้ในเส้นทางเดินรถสายช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ ที่บริเวณลานคนเมือง ภายในศาลาว่าการ กทม. พร้อมกับได้เชิญสื่อมวลชนนั่งเพื่อทดสอบการเดินรถรอบบริเวณลานคนเมือง
นายธีระชน กล่าวว่า โครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษบีอาร์ที กทม.ได้ดำเนินการเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและเพิ่มทางเลือกในการเดินทาง ให้แก่ประชาชนชาวกรุงเทพฯ หลังจากใช้เวลาวางแผนโครงการมานานกว่า 5 ปี โดยจะนำร่องดำเนินการสายแรก จากสายช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ ระยะทาง 15.9 กิโลเมตร รวม 12 สถานี และในส่วนของการก่อสร้างเส้นทางและสถานีขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างและสถานี ทั้ง 12 แห่ง ดำเนินการไปแล้วร้อยละ 99 เหลือเพียงการเก็บรายละเอียดเล็กน้อยเท่านั้น และอยู่ระหว่างการดำเนินการเซ็นสัญญาระบบจราจรอัจฉริยะ และก่อสร้างศูนย์จอดและศูนย์ซ่อมบำรุง สำหรับตัวรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษบีอาร์ทีจำนวน 25 คัน ได้รับมอบเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีการทดสอบการเดินรถในเส้นทางจริงอีกครั้งในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ และคาดว่าสามารถเปิดใช้ได้วันที่ 15 พฤษภาคม 2553
ส่วนอัตราค่าโดยสารจะเปิดให้บริการฟรีตั้งแต่ 15 พฤษภาคม-31 สิงหาคม จากนั้นตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน-31 ธันวาคม จะเก็บค่าโดยสาร 10 บาทตลอดเส้นทาง และจะเริ่มเก็บตามอัตราค่าโดยสารทั่วไปตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป ในอัตราเริ่มต้นที่ 12 บาท และสูงสุดที่ 20 บาท ส่วนการให้บริการจะเปิดตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. ซึ่งในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 07.00-09.00 น. และช่วงเย็นตั้งแต่ 17.00-19.00 น. จะปล่อยรถทุก ๆ 5 นาที ส่วนในเวลาปกติจะปล่อยทุก ๆ 10 นาที
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ตัวรถโดยสารมีที่นั่งผู้โดยสาร 20 ที่นั่ง และสามารถจุผู้โดยสารรวมไม่น้อยกว่า 80 คน พร้อมกับมีที่ล็อกเก้าอี้ล้อเลื่อนสำหรับผู้พิการ 1 ที่ นอกจากนี้จะมีคุณลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากรถขนส่งมวลชนทั่วไป เช่น ระบบ GPS กล้องทีวีวงจรปิด (CCTV) การใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยลดมลพิษทางอากาศ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับผู้บกพร่องทางร่างกาย ด้วยคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ เหล่านี้ เชื่อว่าจะช่วยอำนวยความสะดวก ความปลอดภัยให้กับประชาชนที่มาใช้บริการ และคาดว่าจะสามารถบรรเทาปัญหาจราจรซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงเปิดเทอมได้เป็น อย่างดี