สาวอินโดฯ วีนฉ่ำ อ้างผัวติด ตม.ไทย ถูกส่งตัวกลับเพราะไม่พกเงิน ที่แท้กุเรื่องทำคอนเทนต์
สาวอินโดฯ ถ่ายคลิปวีนฉ่ำ อ้างผัวติด ตม.ไทย โดนส่งกลับ ที่แท้กุเรื่องทำคอนเทนต์ มาคนเดียวไม่มีผัว แถมอยู่ไทยยาว 2 อาทิตย์
กรณีเพจสถานทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่ข้อมูลเตือนชาวอินโดนีเซียที่จะเข้ามาท่องเที่ยวไทย ให้เตรียมหนังสือเดินทาง ทริปการท่องเที่ยว และเงินติดตัว ไม่เช่นนั้นจะถูก ตม.ไทยส่งกลับ และต่อมามีนักท่องเที่ยวสาวชาวอินโดนีเซีย เผยแพร่ภาพคลิปลง TikTok ชื่อ Herjastipbkk เผยว่า เมื่อช่วงเดือน ม.ค. 2567 ตนและสามี ได้เดินทางมาฉลองฮันนีมูนที่ประเทศไทย ตนผ่าน ตม.ได้ แต่สามีติด ตม. เนื่องจากไม่มีเงินติดตัว ซึ่งตนได้พยายามกด ATM แสดงเงินแก่ จนท.ตม. แต่ก็ยังส่งสามีตนกลับ เป็นเหตุให้ตนต้องยกเลิกทริป และเดินทางกลับไปพร้อมสามี โดยเปลี่ยนไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นแทน จนกลายเป็นไวรัลในอินโดนีเซีย มียอดวิว 24.5K ยอด comment 1,476 ความเห็น ส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย และ ตม.เป็นอย่างยิ่ง
เมื่อวันที่ 28 ก.พ. พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และโฆษก สตม. ได้ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวว่า บก.ตม.2 ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนักท่องเที่ยวสาวชาวอินโดฯ โพสต์ข้างต้น และพบว่าผู้โพสต์เป็นชาวอินโดนีเซีย ชื่อ น.ส.ฟาลิดา (นามสมมติ) ได้เดินทางเข้าไทยทางสนามบินดอนเมือง เที่ยวบินที่ FD395 จากเมืองจาร์กาตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2567 โดยปรากฏภาพในวงจรปิดว่า หญิงดังกล่าวเดินทางเพียงคนเดียว ไม่มีสามีมาด้วยตามที่กล่าวอ้าง และได้รับอนุญาตเข้าไทย โดยเดินทางออกจากไทยเมื่อ 16 ม.ค. 2567 ทางสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นเวลาที่พักในไทยกว่า 13 วัน ไม่ได้เดินทางออกทันทีตามที่พูดในคลิปแต่อย่างใด
นอกจากนั้น ขยายผลพบว่า น.ส.ฟาลิดา เข้าออกไทยบ่อยครั้ง โดยมีอาชีพขายของออนไลน์ จึงเชื่อว่า น.ส.ฟาลิดา ตั้งใจกุเรื่องขึ้นเพื่อสร้างคอนเทนต์เท่านั้น พล.ต.ต.เชิงรณ ถือโอกาสเชิญทางผู้แทนสถานทูตอินโดนีเซียในไทยมาร่วมรับฟังคำชี้แจง เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2567 โดยมี นางเดวี เลสตารี (Mrs. Dewi Lestari) อัครราชทูตที่ปรึกษา หัวหน้าฝ่ายพิธีการทูตและกงสุล อินโดนีเซีย และคณะ มาร่วมประชุม โดยได้รับเกียรติจาก นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าด้านการสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมประชุมด้วย เนื่องจากเรื่องนี้กระทบต่อนโยบายเปิดฟรีวีซ่า และการกระตุ้นการท่องเที่ยวของทางรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง
พล.ต.ต.เชิงรณ ได้เปิดเผยหลักฐานวงจรปิดให้ที่ประชุมรับทราบ พร้อมชี้แจงว่า ทาง ตม.ไทย มีการจัดลำดับในการตรวจสอบกลุ่มท่องเที่ยวที่อาจแฝงตัวเข้ามาลักลอบทำงาน โดยดูแผนการท่องเที่ยว การจองที่พักเป็นหลัก ส่วนเงินติดตัวเป็นประเด็นประกอบเท่านั้น เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้บัตรเครดิต และระบบ E-payment จำนวนมากแล้ว ดังนั้น การกล่าวอ้างเรื่องการมีเงินติดตัวไม่พอ แล้วจะถูกปฏิเสธการเข้าเมือง จึงไม่ตรงตามข้อเท็จจริง และคนต่างชาติที่ถูกปฏิเสธเข้าเมืองส่วนใหญ่ ไม่สามารถแสดงแผนการท่องเที่ยว ไม่มีการจองที่พัก รวมถึงบางรายใช้หลักฐานการจองที่พักปลอมเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ตม.ด้วย ซึ่งพบว่าคนอินโดนีเซียจำนวนมากถูกหลอกให้บินเข้าไทยเพื่อผ่านแดนไปประเทศเพื่อนบ้านเข้าไปเป็นคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเข้าข่ายเสี่ยงค้ามนุษย์ และที่ผ่านมา ทางสถานทูตอินโดนีเซีย ยังเคยมีหนังสือขอบคุณ ตม.สนามบินดอนเมือง ที่ช่วยคัดกรองชาวอินโดนีเซียให้ด้วยซ้ำ
พล.ต.ต.เชิงรณ กล่าวว่า ตม.ไทย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียเสมอ จากนั้น นายนิธิ สีแพร รองผู้ว่า ททท. ได้ยืนยันเรื่องมาตรการการฟรีวีซ่าของทางรัฐบาล และขอบคุณที่ทาง ตม.ได้เชิญพบปะหารือ ชี้แจงข้อมูลในครั้งนี้ ซึ่งทาง ททท.ได้รับทราบความชัดเจนจากทาง ตม. และจะนำเรียน รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวต่อไป