สรุปประเด็น "ฝรั่งทำร้ายหมอไทย" หลังไม่พอใจมานั่งหน้าวิลล่าหรู สุดท้ายไหว้สวยขอโทษ
เป็นประเด็นร้อนที่คนในสังคมให้ความสนใจในตอนนี้ สำหรับเหตุการณ์ “ฝรั่งทำร้ายหมอ” ที่ภูเก็ต จนกลายเป็นดราม่าที่หลายคนประกาศตัวว่าเป็น “ทีมคุณหมอ” พร้อมขุดประวัติชาวต่างชาติและภรรยา จนทั้งคู่ต้องออกมายกมือไหว้ขอโทษ แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเหตุดราม่าสะเทือนเมืองภูเก็ตเรื่องนี้ Sanook สรุปทุกประเด็นมาฝากทุกคน!
คุณหมอร้องสื่อโดนฝรั่งทำร้าย
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (28 ก.พ. 67) โซเชียลมีเดียได้ส่งต่อโพสต์หนึ่งในเฟซบุ๊ก บอกเล่าเรื่องราวของแพทย์หญิงคนหนึ่ง ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่ออกมาร้องเรียนว่าถูกชายชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย พร้อมด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยในโพสต์ระบุว่า
“#เรื่องเล่า_จากแพทย์หญิงไทยถูกชายต่างชาติชาวสวิสทำร้ายบนผืนดินไทย ลูกสาวของผมผู้เป็นหมออยู่ที่ภูเก็ต ซึ่งเป็นคนสุภาพและถ่อมตนเป็นปกติ เขียนข้อความออกมาจากร่างกายและจิตใจของเธอที่ถูกทำร้ายว่า…
สวัสดีค่ะ ขออนุญาตขอความช่วยเหลือเพื่อกระจายข่าวเพื่อความยุติธรรมด้วยค่ะ เราถูกชาวต่างชาติที่เป็นเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้างทำร้ายร่างกายค่ะ โดยมีลำดับเหตุการณ์ ดังนี้
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 19.30 น. เราไปกินข้าวกับเพื่อนผู้หญิงที่เป็นหมอด้วยกัน ที่ร้าน Taste Yamu หลังกินเสร็จก็ชวนกันไปเที่ยวหาดสาธารณะแถวใกล้บ้านบริเวณ Cape Yamu คือ ปกติไปเดินเที่ยวบ่อยเนื่องจากเป็นหาดที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด และค่อนข้างปลอดภัย
ตอนเราเดินไปที่หาดกับเพื่อนเจอพี่ยามคนนึง แกก็ถามว่าเรามาดูดวงจันทร์ใช่มั้ย เพราะมันเป็นวันมาฆบูชา (ฟูลมูน) เลยตอบไปว่า ใช่ค่ะ พี่ยามก็บอกว่า ครับ เอนจอย ครับ แล้วเดินจากเราไป เรากับเพื่อนเดินดูดวงจันทร์บนชายหาดกันสักพัก รู้สึกเมื่อยและอยากนั่งพัก จึงเดินไปนั่งตรงบันไดที่ปลูกลงมาบริเวณชายหาดที่ต่อลงมาจาก วิลล่า หมายเลข 23 เพราะคิดว่าเป็นบันไดของชายหาด โดยที่เท้ายังจุ่มอยู่บนพื้นทราย
ในขณะที่เรานั่งอยู่ รู้สึกเหมือนมีใครเดินมาข้างหลัง จึงหันไปพูดกับเพื่อนว่า รู้สึกเหมือนมีคนเดินมา จากนั้น พลันก็รู้สึกสะเทือนหนักหน่วงไปทั้งร่าง เมื่อได้สติก็ทำให้รู้ว่า เกิดจากหน้าแข้งที่กระหน่ำเตะลงมาที่กลางหลัง จากชายชาวต่างชาติตัวใหญ่น้ำหนักราว 100 กิโลกรัม ในสภาพหน้าแดง เหงื่อท่วม กำลังถือโทรศัพท์เพื่ออัดวีดีโอ และสบถด่าคำหยาบออกมาสารพัด เรากับเพื่อนเลยเดินไปหาพี่ยาม บนป้อมยามบนเนินข้างบน แล้วบอกว่า “พี่คะ หนูถูกทำร้ายร่างกาย” พี่ยามก็ตกใจและพาเราไปยังหน้า วิลล่า 23 ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ
ฝรั่งคนนั้นแสดงอาการโกรธ สบถคำด่าออกมาสารพัด จากนั้น ภรรยาชาวไทยพร้อมแผงสร้อยเพชรเม็ดโตก็เดินออกมา ตอนนั้นเรากับเพื่อนแอบดีใจเพราะคิดว่าจะเคลียร์กันได้ แต่ ประโยคแรกที่ภรรยาชาวไทยพูด ถึงกับทำให้เรากับเพื่อนสตันท์ไป เพราะเธอบอกว่า “นี่xxx* สองตัวนี้มานั่งอยู่หน้าบ้านxx พวกมึx รู้มั้ยต่อให้พวกxx ยิงพวกมึxตาย ก็ไม่ผิด เพราะลูกเป็นตำรวจและรู้จักนายตำรวจใหญ่ของภูเก็ต จะเอาพวกมึxเข้าคุกให้ได้ xจะโทรหาท่านรองเดี๋ยวนี้” จากนั้นเธอก็โทรหาตำรวจยศใหญ่ของเธอว่า ให้ส่งตำรวจมา
ผ่านไปประมาณ 15 นาที มีตำรวจ 2 คนเดินมา คนหนึ่งแต่งตัวนอกเครื่องแบบ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นตำรวจในเครื่องแบบ ตำรวจหนุ่มทั้งสองพยายามมาเจรจาเคลียร์เรื่อง หลังจากที่ตำรวจมาคุยกับเรา เราก็บอกกับตำรวจว่า เราถูกทำร้ายร่างกาย ชายชาวต่างชาติก็มาพูดกับเราว่า “อ่อเป็นชนพื้นเมือง เป็นคนไทยเหรอ รู้มั้ยชั้นไม่ได้จ่ายค่าเช่าวิลล่าเดือนละล้านบาท มาให้พวกมึxนั่งหน้าบ้านx”
เราก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร หลังจากนั้น ตำรวจก็เดินมาพูดกับเราว่า ตอนนี้มันผิดกันทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเราเป็นคนบุกรุกมีโทษหนักกว่าต้องติดคุก 4 ปี ฝ่ายเขาแค่ทำร้ายร่างกาย จ่ายเงินก็จบ เราเลยช็อคไป ตำรวจนายหนึ่งบอกว่าต้องเคลียร์ให้ยอมความกันให้ได้ จะได้ไม่ต้องถึงโรงพัก
เราจึงเสนอให้ 3 ทางเลือก คือ 1. ต่างคนต่างขอโทษแล้วจบ 2.ต่างคนต่างไม่ขอโทษแล้วจบ 3.ไปคุยกันที่โรงพัก ฝั่งนู้นเค้าบอกว่า “#เราขอโทษฝรั่งได้_แต่ฝรั่งจะไม่ขอโทษเรา #และเราจะต้องติดคุก”
หลังจากนั้นเราจึงไปแจ้งความที่ สภ.ถลาง หลังจากแจ้งความ เราได้ทราบชื่อของชาวต่างชาติคนนี้ ซึ่งทำให้เราช็อคมาก เพราะชาวคนนี้เป็นชาวสวิส ชื่อ … เป็นเจ้าของ … ที่เคลมว่าเค้าจะปกป้องดูแลช้างและไม่ทำร้ายช้าง แต่เค้าทำร้ายผู้หญิงค่ะ!
รบกวนขอความยุติธรรมกับเรื่องนี้ด้วยนะคะ เพราะอีกฝั่งเป็นชาวต่างชาติที่มีอิทธิพลในภูเก็ต มีข้อสังเกตว่ามีตำรวจยศใหญ่คอยช่วยเหลือดูแลอยู่เบื้องหลัง และเราคิดว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น #ไม่สมควรมีคนไทยคนไหนโดนชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย #คนไทยผู้เป็นสุจริตชน #ผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินไทยค่ะ
จาก #ผู้หญิงไทยคนหนึ่งผู้ถูกชายชาวต่างชาติคนหนึ่งทำร้าย (28 กุมภาพันธ์ 2024)”
ฝรั่งอ้าง “เดินสะดุด”
หลังชาวเน็ตร่วมกับแชร์โพสต์ดังกล่าวไปในวงกว้าง ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของชายชาวต่างชาติคนดังกล่าว ซึ่งวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา เขาก็ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนพร้อมด้วยทนายความ พร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นคลิปที่ชายชาวต่างชาติถ่ายเอาไว้ ขณะเดินเข้าไปด้านหลังของแพทย์หญิง โดยเขาอ้างว่าสะดุดล้ม ทำให้เท้าไปโดนด้านหลังของแพทย์หญิง อย่างไรก็ตาม ชายคนดังกล่าวไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวดูคลิป โดยอ้างว่าเป็นหลักฐานทางคดี
ในส่วนของภรรยาชาวไทยที่ด่าทอแพทย์หญิงด้วยถ้อยคำหยาบคาย พร้อมอ้างว่ารู้จักนายตำรวจยศใหญ่นั้น ชายชาวต่างชาติไม่ได้ตอบคำถามในส่วนนี้ ทั้งนี้ เขายังให้สัมภาษณ์ว่าอยากแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าเป็นการสะดุดล้ม ไม่ได้ตั้งใจเตะแพทย์หญิงคนดังกล่าวอย่างแน่นอน
แพทย์หญิงยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุด
เมื่อวานนี้ (29 ก.พ. 67) แพทย์หญิงที่โดนทำร้ายได้เดินทางเข้าไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยยืนยันว่าเธอจะสู้เต็มที่และเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะไม่มีใครสมควรโดนกระทำแบบนี้ ส่วนประเด็นที่ว่าคู่กรณีจะฟ้องดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หลังจากพ่อของแพทย์หญิงโพสต์ชื่อคู่กรณีที่ปรากฏอยู่ในใบแจ้งความ แพทย์หญิงก็ระบุว่า ถ้าเขาจะฟ้อง ก็ดำเนินการตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม เธอชี้ว่าหลังเกิดเหตุก็รู้สึกกังวล เนื่องจากคู่กรณีรู้จักผู้ใหญ่ เป็นคนร่ำรวย ขณะที่เธอเป็นเพียงหมอตัวเล็กๆ เธอจึงอยากให้กฎหมาย ความยุติธรรม และตำรวจ ได้เข้ามาช่วยเหลือและให้ความยุติธรรมกับคนไทย พร้อมพูดถึงประเด็นเรื่องคำพูดเหยียด ที่เธอระบุว่าไม่มีใครสมควรโดนเหยียด โดยเฉพาะชายชาวต่างชาติที่เข้ามาทำมาหากินกับคนไทย ทำงานในประเทศไทย อยู่บนแผ่นดินไทย ก็ไม่ควรเหยียดใครว่าเป็นคน Local (คนในพื้นที่)
วิลล่าหรูของฝรั่งโดนสั่งรื้อบันได
หลังกลายเป็นข่าวใหญ่ วันเดียวกันนั้น (29 ก.พ. 67) นายอำเภอถลาง พร้อมเจ้าหน้าที่พนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต ได้เข้าตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณวิลล่าหรูของชายชาวต่างชาติคนดังกล่าว พบว่าเจ้าของวิลล่าเคยนำชี้ขอออกโฉนด ซึ่งปัจจุบันยังเป็น นส.3 ก. โดยแนวที่นำชี้คือ “ขั้นบันไดที่ 1” ของตัววิลล่า แปลว่าขั้นบันไดลงมา 2 3 4 เป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งแพทย์หญิงนั่งที่ขั้นบันไดล่างๆ จึงไม่ใช่การรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว แพทย์หญิงโดนทำร้ายขณะที่เธอนั่งอยู่ในพื้นที่สาธารณะ และเจ้าหน้าที่ก็กำลังแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของวิลล่า พร้อมสั่งให้รื้อบันไดออกทันที
ชาวเน็ตขุดประวัติฝรั่ง
ชาวเน็ตที่ติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิด เริ่มขุดประวัติชายชาวต่างชาติคนดังกล่าว มีทั้งเรื่องปางช้างที่ชายคนนี้เป็นเจ้าของและทำเป็นมูลนิธิคอยรับบริจาคเพื่อช่วยดูแลช้างไทยจากต่างประเทศ ที่มีคนออกมาแฉว่าเขาไปเช่าช้างมาจากจังหวัดสุรินทร์ และมีช้างเพียงเชือกเดียวที่เป็นของชายคนดังกล่าว รวมไปถึงพฤติกรรมนักเลงของชายชาวต่างชาติคนนี้ ที่คนในพื้นที่รู้กันดีว่าเขามีนิสัยชอบโวยวาย อารมณ์ร้อน เคยมีชาวบ้านเห็นชายคนนี้ควักอาวุธปืนมาข่มขู่ประชาชน ขณะที่ภรรยาชาวไทยของเขาก็ชอบบอกคนอื่นว่ามีพรรคพวกใหญ่โต มีเส้นสาย ทั้งที่ลูกติดของเธอทำงานเป็นตำรวจยศสิบตำรวจ
นอกจากนี้ ทั้งชายคนนี้และภรรยาของเขา ชอบออกมาไล่ประชาชนที่เดินทางไปพักผ่อนบริเวณชายหาดสาธารณะใกล้บ้านของตัวเอง ทำให้หลายคนเชื่อว่ากรณีที่เกิดกับแพทย์หญิงไม่ใช่ครั้งแรกแน่นอน พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสองสามีภรรยานี้อย่างเหมาะสม พร้อมตรวจสอบการประกอบธุรกิจของเขาด้วย เพื่อไม่ให้ชาวต่างชาติเข้ามาแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับคนในพื้นที่และกับคนไทย
เปิดคลิปฝรั่งทำร้ายหมอ
ล่าสุด (1 มี.ค. 67) มีการแชร์คลิปที่ถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ คาดว่าเป็นคลิปเหตุการณ์ข้อพิพาทของแพทย์หญิงกับชายชาวต่างชาติที่เป็นข่าว ซึ่งในคลิปแสดงให้เห็นว่าคนถ่ายเดินอย่างรวดเร็วพร้อมถ่ายคลิปไปด้วย ขณะเดินไปด้านหลังของผู้หญิง 2 คนที่ยั่งอยู่ปลายบันได จากนั้นคนถ่ายก็เดินไปเตะหรือสะดุดที่แผ่นหลังของ 1 ใน 2 หญิงที่กำลังนั่งอยู่ พร้อมตะโกนด้วยถ้อยคำหยาบคายว่า “Get the fuck off” (ออกไปเดี๋ยวนี้)
พอคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของคนถ่ายคลิป ระบุว่าไม่ใช่การสะดุดแต่ตั้งใจเข้าไปทำร้ายหญิงสาว พร้อมเรียกร้องให้มีการเอาผิดอย่างถึงที่สุด
ฝรั่งไหว้สวยขอโทษแพทย์หญิง
ต่อมา ชายชาวต่างชาติคนดังกล่าว พร้อมภรรยาชาวไทย ได้ปรากฏตัวที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยภรรยาของเขาได้เล่าว่าก่อนหน้านี้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนได้ลุกล้ำเข้าไปยังวิลล่าหรูและสร้างความตกใจให้ตน แต่สามีไม่อยู่ พร้อมกล่าวขอโทษจากใจจริงที่แสดงมารยาทไม่น่าให้อภัย ขอโทษที่ทำให้ภูเก็ตเสียหาย และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่ชายชาวต่างชาติคนนี้เล่าว่า พอเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายกันในครั้งนี้ เขาก็กลัวว่าคุณหมอจะเข้ามาทำอะไรไม่ดีกับภรรยาของเขา เขาจึงคว้าโทรศัพท์แล้ววิ่งไป แต่พลาดสะดุดบันไดหกล้ม พร้อมโชว์บาดแผลที่เกิดจากการสะดุดล้มในคืนนั้น พร้อมได้กล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีเจตนาทำร้ายแพทย์หญิง แค่คิดว่าเป็น “นักท่องเที่ยวจีน” ที่เคยรุกล้ำเข้ามาในวิลล่าหรูของตน
ดราม่าเรื่องนี้จุดประเด็นคำถามเรื่องการให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในแผ่นดินไทยหรือไม่ เช่นเดียวกับประเด็นเรื่องที่ดินสาธารณะที่ถูกนายทุนยึดเป็นของตัวเอง จนประชาชนไม่สามารถเข้าไปใช้พื้นที่สาธารณะได้ คงต้องดูกันต่อไปว่าเรื่องนี้จะสามารถจนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หรือไม่ หรือจะค่อยๆ หายไปจากความสนใจของประชาชน แต่ปัญหายังไม่ถูกแก้ไข เหมือนในหลายๆ กรณีที่เคยผ่านมา