พร้อมพงศ์ อุทธรณ์สั่งปิดพีทีวี มีสิทธิ์ฟ้องเป็นผู้เสียหายตาม รธน.

พร้อมพงศ์ ยื่นอุทธรณ์ฟ้อง นายกฯ-สุเทพ ที่ออกคำสั่งปิดพีทีวี ระบุเป็นผู้เสียหายตามรัฐธรรมนูญ หลังศาลแพ่งมีคำสั่งยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ เดินทางมายื่นอุทธรณ์คดีหมายเลขดำที่ 1389/2553 ที่ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะ ผอ.ศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ( ศอฉ.) เป็นจำเลยที่ 1-3 เรื่องละเมิด ที่ออกคำสั่งตัดสัญญาณสถานีโทรทัศน์พีเพิลแชนแนล(พีทีวี) ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.53

คดีนี้ นายพร้อมพงศ์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 19 เม.ย. ซึ่งศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่านายพร้อมพงศ์ ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง

ภายหลัง นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ได้ระบุในประเด็นที่ยื่นอุทธรณ์ว่า เป็นผู้เสียหาย ที่มีสิทธิโต้แย้งการกระทำของจำเลยทั้ง 3 ได้ เพราะเป็นบุคคลที่มีสิทธิจะได้รับฟังข้อมูลข่าวสาร ที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 45 โดยความคุ้มครองนั้นครอบคลุมถึงสิทธิการเสนอข้อมูลของประชาชนทุกด้าน ไม่ใช่มีเจตนารมณ์คุ้มครอง เฉพาะการคุ้มครองผู้บริโภค ที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง และเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าและบริการ ตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษาไว้ ดังนั้น การที่รัฐบาลมีคำสั่งปิดพีเพิลแชนแนลจึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นฯ ตามมาตรา 45 และละเมิดสิทธิการรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้อง เป็นจริง ตามมาตรา 61 ด้วย

"ผมจึงเป็นผู้เสียหายตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ซึ่งผมขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกลับให้รับคดีไว้พิจารณาตามกระบวนการต่อไป" นายพร้อมพงศ์ กล่าว