สรุป #สุขุมวิท11 "4 มีนา วันมาค่ะกะเทย" ศึกแห่งศักดิ์ศรี "กะเทยไทย VS กะเทยปินส์"
วันที่ 4 มีนาคม 2567 กลายเป็นวันสำคัญของเหล่ากะเทยไทย เมื่อคุณแม่,คุณพี่,คุณน้ากะเทย นัดรวมตัวกันที่ซอยสุขุมวิท 11 เพื่อทวงคืนศักดิ์ศรีจากกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์ ที่มารุมทำร้ายคนไทยจนได้รับบาดเจ็บและสูญเสียทรัพย์สิน แล้วความขัดแย้งนี้มีจุดเริ่มต้นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นแล้วบ้าง Sanook สรุปประเด็น #สุขุมวิท11 สงครามแห่งศักดิ์ศรีของพี่กะเทยไทย แสดงพลัง LGBTQ+ ให้โลกได้รู้ พร้อมชวนดูประเด็นที่ลึกไปกว่ากะเทยตีกัน
- ตบสนั่น สุขุมวิท 11 ศักดิ์ศรี "กะเทยไทย" นัดรวมพลสู้กะเทยผิน(ปินส์) ลั่นทำตัวเป็นมาเฟีย
- เปิดไทม์ไลน์ สุขุมวิท 11 มีอะไร? กะเทยไทยนัดรวมตัวตบกู้ศักดิ์ศรี ล้างแค้นกะเทยปินส์
ชนวนสงคราม
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ขณะที่กะเทยไทย 2 คนกำลังเดินออกจากร้านอาหารริมถนนสุขุมวิท ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสนานา ก็บังเอิญเจอกับกลุ่มกะเทยฟิลิปปินส์ที่เคยมีประเด็นบาดหมางกันมาก่อน ทำให้เกิดมีปากเสียงกันอีกครั้ง โดยฝั่งกะเทยฟิลิปปินส์ยืนชี้หน้าหาเรื่องกะเทยไทย กะเทยปินส์ (ฟิลิปปินส์) ชุดดำยืนชี้นิ้ว ชูนิ้วกลางให้กะเทยไทย พร้อมเปิดกระโปรงโชว์กีกี้ให้กะเทยไทย
หลังจากกระทบกระทั่งด้วยคำพูด กะเทยไทยก็กลับที่พัก แต่ระหว่างเดินกลับก็เจอกับกะเทยปินส์อีกครั้ง จึงสอบถามว่าทำแบบนี้ทำไม แต่กลุ่มกะเทยปินส์ประมาณ 20 คนกลับรุมทำร้ายกะเทยไทยที่มีเพียง 6 คน ทำให้กะเทยไทยได้รับบาดเจ็บ แถมยังฉกเงินกะเทยไทยไปด้วย พร้อมด่าด้วยคำหยาบ “Fuck you Thailand” แล้วโห่ร้องเหมือนไม่เกรงกลัวกฎหมาย
กะเทยปินส์ถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์นี้ และนำไปโพสต์ในกลุ่มกะเทยปินส์ ทำให้เกิดคอมเมนต์เหยียดเชื้อชาติ และอวยยศพี่กะเทยปินส์ สร้างความเจ็บใจให้พี่กะเทยไทยเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ความบาดหมางของพี่กะเทยไทยและกะเทยปินส์นั้น เป็นประเด็นความขัดแย้งที่มีมาอย่างยาวนาน เริ่มจากกะเทยปินส์เข้ามาแบ่งพื้นที่ทำมาหากินของพี่กะเทยไทย โดยเฉพาะอาชีพ sex worker ที่ใช้ช่องว่างทางกฎหมายให้ตัวเองเข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งทำให้พี่กะเทยไทยไม่พอใจในเรื่องนี้มานาน
วันกะเทยผ่านศึก
เมื่อคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป กะเทยไทยรู้สึกโดนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีถึงในบ้าน จึงประกาศผ่านโซเชียลมีเดียขอให้กะเทยไทยนัดรวมตัวกันที่ซอยสุขุมวิท 11 เพื่อดักเจอกะเทยปินส์ที่สร้างเรื่องและเรียกร้องความยุติธรรมให้กะเทยไทย จนกลายเป็นปรากฏการณ์ “4 มีนา วันมาค่ะกะเทย” เพราะกะเทยไทยจากทั่วทุกสารทิศได้มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายจำนวนหลายร้อยคน
ขณะที่กะเทยไทยมารวมตัวกันอยู่นอกโรงแรม กะเทยปินส์ที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมก็มีการเปิดม่านออกมาท้าทาย ทำท่ายั่วยุน้ำโหพี่กะเทยไทยไม่หยุด ทั้งชูนิ้วโป้งและส่ายก้นโชว์ สร้างความขุ่นเคืองใจให้พี่กะเทยไทยแบบสุดๆ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงโรงแรม เพื่อจะนำตัวกะเทยปินส์ไปสอบสวนที่โรงพัก กะเทยปินส์ก็ไม่กล้าออกมา เกรงจะโดนรุมยำ จึงเป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอยว่าใครจะอดทนได้นานกว่ากัน
สุดท้ายกะเทยปินส์ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวออกจากโรงแรม แต่เมื่อกะเทยปินส์ปรากฎตัวตรงชั้นล่างของโรงแรม พี่กะเทยไทยก็เปิดเกมทันที และงัดทุกท่วงท่าการต่อสู้ออกมาใช้ ทั้งรองเท้าติดคริ นักทุบความเร็วแสง นักรบทางอากาศ หนุมานไต่กำแพง กลายเป็นเหตุการณ์ชุลมุน เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามควบคุมสถานการณ์ ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ จนสุดท้ายก็สามารถพากะเทยปินส์ไปสถานีตำรวจได้ ขณะที่พี่กะเทยไทยก็ยกโขยงตามกันไป เพราะกลัวจะไม่ได้รับความยุติธรรม
ตำรวจยืนยันจะทำการสอบสวน
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวกะเทยปินส์ไปที่ สน.ลุมพินี ซึ่งพี่กะเทยไทยก็ติดตามไปอย่างใกล้ชิด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกมายืนยันว่าจะสอบสวนกะเทยปินส์ที่รุมทำร้ายคนไทย พร้อมตรวจสอบการเข้าเมือง ซึ่งหากทำผิดกฎหมายก็จะถูกดำเนินการตามกฎหมายไทย แต่พี่กะเทยไทยก็ระแวงและไม่เชื่อใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
พันตำรวจเอก ยิ่งยศ สุวรรณโน ผู้กำกับการ สน.ลุมพินี ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า หลังทราบเรื่องกะเทยไทย ก็ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลรักษาความปลอดภัยในซอยสุขุมวิท 11 เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง พร้อมยืนยันว่าจะให้ความเป็นกับทั้งสองฝ่าย ใครผิดก็ว่ากันไปตามผิด และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนและสอบสวนเรื่องนี้อย่างนี้อย่างยุติธรรม
ประเด็นนี้กลายเป็นเรื่องร้อนบนโลกโซเชียลตลอดทั้งคืน มีการแสดงความคิดเห็น แชร์คลิปวิดีโอ และพูดถึงเหตุการณ์นี้เป็นจำนวนมาก จนแฮชแท็ก #สุขุมวิท11 พุ่งติดเทรนด์อันดับ 1 ของ X และมีคนพูดคุยกันถึงเรื่องนี้มากกว่า 2 ล้านครั้ง
พี่กะเทยไทยรักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด
กะเทยไทยที่มารวมตัวกันในครั้งนี้ ล้วนต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนที่โดนทำร้าย และเป็นกำลังใจให้กับผู้ถูกกระทำ หลายคนแสดงความไม่พอใจ ซึ่งเจ้าตัวที่โดนทำร้ายก็ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ "กรรมการคุยข่าวนอกจอ" ได้กล่าวขอบคุณพี่กะเทยไทย ระบุว่า "ขอบคุณพี่กะเทยไทย มันจึ้ง มันโฮ่งมาก ขอบคุณพี่ๆ แม่ๆ ทุกคนที่มาช่วยหนู ขอบคุณพลังจริงๆ มันสุดยอดมาก"
กะเทยปินส์ขอความช่วยเหลือ
ด้านชาวฟิลิปปินส์ที่ติดตามกรณีนี้ ก็ได้โพสต์เรียกร้องให้สถานทูตฟิลิปปินส์ส่งกะเทยปินส์กลับบ้านอย่างปลอดภัยด้วย ขณะที่กะเทยปินส์คู่กรณี ก็ได้อัดคลิปวิดีโอขอความช่วยเหลือ ระบุว่าประเทศไทยกับฟิลิปปินส์เป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่สงคราม
ด้านนางงาม LGBTQ+ ของฟิลิปปินส์ ก็ได้ออกมาพูดถึงประเด็นร้อนเรื่องนี้ โดยเธอระบุว่าไม่สนับสนุนความนรุนแรงทุกรูปแบบ และเธอก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเลย
“พชร์ อานนท์” เตรียมจารึกประวัติศาสตร์
หลังเหตุการณ์วันกะเทยผ่านศึก พชร์ อานนท์ ผู้กำกับชื่อดัง ก็ประกาศรับสมัครกะเทยไทย 50 ชีวิต มาร่วมถ่ายฉากเด็ด #สุขุมวิท11 เพิ่มในภาพยนตร์เรื่อง “หอแต๋วแตก” ที่จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ วันที่ 14 มีนาคม 2567 นี้ โดยโพสต์ของผู้กำกับดัง ระบุว่า “รับสมัครกะเทยใจกล้า 50 คน ลงชื่อเบอร์โทรไว้เลย ถ่ายคืนวันพุธที่ 6 นี้ กล้าขอก็กล้าถ่ายเพิ่ม”
ภาพยนตร์หอแต๋วแตกภาคนี้จะเป็นภาคที่ 11 ในแฟรนไชส์ “หอแต๋วแตก” ซึ่งภาคแรกออกฉายในปี พ.ศ.2550
“น้องตุ้ม” ฝากบอก “แม่จะสอนมวยให้”
ด้าน “น้องตุ้ม” ปริญญา เจริญผล อดีตนักมวยไทย ก็ได้โพสต์เฟสบุ๊กถึงประเด็น #สุขุมวิท11 ด้วยเช่นกัน โดยเธอระบุว่า
“ฉันละอยากจะฝากแม่ไม้มวยไทยให้กลับไปฟิลิปปินส์ แล้วจะรู้ว่ากะเทยไทยของแม้ ที่นี่ประเทศไทย กะเทยไทย มวยไทย ลูกๆ เจ้าค่ายแม่ด่วนๆ แม่จะสอนมวยให้”
ปัญหาที่มองให้ลึกกว่าความรุนแรง
เหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนมองว่าเป็นการใช้ความรุนแรงและใช้ศาลเตี้ย ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมไม่ควรให้การยอมรับหรือสนับสนุน อย่างไรก็ตาม หลายคนก็มองว่าการที่กะเทยไทยต้องลุกขึ้นมาใช้ความรุนแรงปกป้องด้วยตัวเองก็กำลังสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของกระบวนการยุติธรรมของประเทศ เช่นเดียวกับกฎหมายแรงงาน ที่ปล่อยให้คนชาติอื่นๆ เข้ามาแย่งงานคนไทย
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการหยิบยกประเด็นเรื่องกฎหมาย Sex worker ซึ่งถูกทำให้เป็นธุรกิจผิดกฎหมาย เกี่ยวข้องกับมาเฟียหรือผู้มีอิทธิพลในสังคม และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง นี่จึงเป็นปัญหาที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ใต้พรม และรัฐไทยก้ไม่อยากยอมรับ แม้ในความเป็นจริงแล้ว ประเทศไทยจะมี sex worker ทำงานอยู่มากมาย และพวกเขาก็จำเป็นต้องการรับการปกป้องและคุ้มครองเฉกเช่นแรงงานในภาคส่วนอื่นๆ
เปิดข้อมูลแรงงานฟิลิปปินส์
อีกประเด็นที่ถูกพูดถึงคือเรื่องแรงงานฟิลิปปินส์ที่เข้ามาทำงานในเมืองไทย โดยเฉพาะตัวเลขแรงงานชาวฟิลิปปินส์ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย โดยกรมการจัดหางานเคยออกมาเปิดเผยจำนวนแรงงานฟิลิปปินส์ในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2560 ระบุว่ามีมากเป็นอันดับที่ 1 หรือจำนวน 14,830 คน
อาชีพที่ได้รับอนุญาตทำงานมากที่สุดคือ ผู้ประกอบอาชีพด้านการสอน รองลงมาคือผู้จัดการฝ่ายอื่นๆ และผู้ประกอบวิชาชีพด้านธุรกิจ