สาวเข็นวีลแชร์พาแม่วัย 82 ทวงหนี้ เจอพี่สาวลูกหนี้ฉีดน้ำแรงดันสูงใส่ เผยเหตุผลทำไมไม่จ่าย
สาวเข็นวีลแชร์พาแม่วัย 82 ทวงหนี้ เจอพี่สาวลูกหนี้ฉีดน้ำแรงดันสูงใส่ เผยเหตุผล เป็นหนี้ทำไมไม่จ่าย
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 67 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.ส.จิตรทิวา อายุ 41 ปี อาชีพขายของออนไลน์ และอดีตทำงานธนาคารแห่งหนึ่ง อยู่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 6 ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ว่าถูก น.ส.เจี๊ยบ พี่สาวของ นางดวงกมล ทำร้ายร่างกาย โดยใช้สายยางฉีดน้ำแรงดันสูง ฉีดน้ำใส่ตนและมารดา คือน.ส.นาตยา อายุ 82 ปี เข้าตา ได้รับบาดเจ็บ และถูกด่าทอดูหมิ่น ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ไทรน้อย เหตุเกิดที่ร้านเสริมสวยหมู่ 6 ต.ไทรน้อย เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 67 เวลา 18.30 น.
น.ส.จิตรทิวา อายุ 41 ปี เปิดเผยว่า เมื่อวาน ตนเข็นรถพาแม่ไปเดินเล่น จากนั้นได้แวะเรียกนางดวงกมล เพื่อจะชวนไปศูนย์ดำรงธรรมอำเภอไทรน้อย เพราะเขาเป็นหนี้ตนอยู่ ตนก็เรียกให้เขาออกมาคุยกัน เพราะตนคุยกับปลัดอำเภอแล้ว และทางอำเภอให้ทั้งสองฝ่ายเข้าไปคุยเพื่อไกล่เกลี่ยกัน เขาพูดว่าเรื่องนี้ตนไปฟ้องศาลแล้ว แต่ตนยืนยันเรื่องยังไม่เคยฟ้องศาล ซึ่งอาจจะเป็นบริษัทที่ส่งเอกสารเพื่อไกล่เกลี่ย หรืออาจจะทวงหนี้ให้ตน
จากนั้นได้มีการเถียงกันสักพักหนึ่ง จนพี่สาวเขาได้ออกด่าตนว่าเป็นดาวน์ซินโดรม และตนเคยถูกพี่สาวเขาเอาน้ำล้างจานสาดหน้ามาแล้วเมื่อวันที่ 6 มี.ค.67 ตนเพียงต้องการคุยเรื่องหนี้สินให้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะก่อนหน้ามีแต่คุยกันทางโทรศัพท์ คนชื่อเจี๊ยบ พี่สาวของนางดวงกมล ได้ใช้น้ำแรงดันฉีดใส่ตนและแม่ที่นั่งอยู่ในรถเข็น จนเปียกไปหมด ซึ่งน้ำน่าจะเป็นน้ำผสมน้ำยา จากนั้นตนจึงไปแจ้งความที่โรงพักและขอใบส่งตัวไปที่โรงพยาบาล หมอจึงล้างตาให้ทั้งสองคนและให้ยามากิน
น.ส.จิตรทิวา กล่าวว่า เขายืมเงินไปช่วงแรก 5,000 บาทเดือน พ.ย.65 พอครบ 1 เดือนเขาคืนเงินให้ตน 5,500 บาท เงิน 500 บาท ตนไม่ได้เรียกดอกเบี้ย เขาให้มาเอง ต่อมาเดือน ก.พ.ปี 66 เขาขอยืมอีก 30,000 บาท อ้างว่าจะไปปล่อยกู้ และทำนา สามีเขาทำงานธนาคารฝ่ายบัญชี หากได้โบนัสเขาจะคืนให้ ซึ่งตนไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ และวันเดียวกันเขาขอยืมเงินเพิ่มอีก 20,000 บาท รวมเป็น 50,000 บาท
ผ่านไป 1 เดือนเขาโอนมาให้ 30,000 บาท ดอกเบี้ยอีก 5,000 บาท ถ้าไม่คิดดอกยังขาดเงินอีก 15,000 บาท ถ้าคิดดอกเท่ากับเขายังขาดอยู่อีก 20,000 บาท ระหว่างนั้นเขาก็มาขอยืมตลอด เมื่อเช้าไปที่สภ.ไทรน้อย มาตรวจดูบัญชีพบว่าเขาเอาเงินตนไปรวมแล้ว 200,720 บาท ระยะเวลาระหว่างเดือน ก.พ.-ก.ย. 66 ซึ่งแต่ละครั้งเขาอ้างว่า มีคนมาขอกู้เงิน ก็มีทยอยคืนมาบ้าง
ต่อมาเขาเรียกตนไปหาที่บ้านและสารภาพว่า เขาไม่ได้เอาเงินไปปล่อยกู้ แค่เอาเงินไปใช้ส่วนตัว และเงินที่ยืมไปจะคืนให้แน่นอน น.ส.จิตรทิวา กล่าวอีกว่า เมื่อวานตอนเกิดเหตุเขาฉีดน้ำใส่ตน เพื่อนข้างบ้านที่ขายต้มเลือดหมูออกมาช่วยถ่ายคลิปไว้ให้ ตนจึงบอกให้เขาเรียกตำรวจ ตนแค่อยากให้เขาพูดจาดีๆ เพราะตนไม่เคยได้คุยเรื่องเงินกับเขาเลย
“ทุกครั้งที่ตนไปพูดเขาจะมีอารมณ์ตลอด มันก็เรื่องแค่เงินที่เอาไว้แลกเปลี่ยนสินค้า ขอยืมไปก็พูดจาดีๆ ตนไม่ได้เป็นหนี้เขา นอกจากนี้ตนยังรู้ว่าเขาไปยืมเงินคนอื่นอีกหลายคน หลังเกิดเหตุตนได้เดินทางเข้าแจ้งความแล้ว”
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านซาลอน ซอย 4 พบ น.ส.ดวงกมล อายุ 42 ปี ลูกหนี้คู่กรณี กล่าวว่า ตนรู้จักเขาเมื่อ 2 ปีก่อนเขาเป็นลูกค้าทำผม เขามาหาบอกว่าเขาจะปล่อยเงินกู้ หาคนกู้ให้หน่อย เขาจะปล่อย 30,000 บาท ตนบอกว่าไม่พอเพราะตนก็ปล่อยอยู่ ตนจึงบอกไปว่าต้องประมาณ 50,000 บาท เขาก็โอนเงินให้ตน 2 ครั้ง 30,000 กับ 20,000 บาท เขาคิดดอกร้อยละ 15 บาทต่อเดือน แต่ตนบอกไม่เคยปล่อยรายเดือน ปล่อยแต่รายวัน ตนก็ส่งคืนเขาเป็นเดือนบ้าง เป็นอาทิตย์บ้าง
ช่วงแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร ช่วงนั้นเป็นโควิด ตนก็ส่งเขาบ้างไม่ส่งบ้าง ประกอบกับมีลูกค้าหนี ตนก็ต้องรับผิดชอบจนตนไม่มีเงินคืนให้เขาก็หยุดไป จนต้องหายืมเงินไปจ่ายแทนลูกค้าที่หนี จนเมื่อตนประสบอุบัติเหตุขาหักก็ไม่ได้ส่งเขา เขาก็มาตกลงใหม่ให้จ่ายให้เขาอาทิตย์ละ 1,000 บาท อาทิตย์แรกกับอาทิตย์ที่ 2 ตนก็จ่ายไป 1,000 บาท พออาทิตย์ที่ 3 เขาทักมากรุณาโอนเงินให้เขาด้วย ตนจึงถามกลับไปว่าเงินอะไร จนตนมาทราบจากโทรศัพท์คนอื่นว่าเขาพิมพ์ข้อความมาด่าตน ตนเลยหยุดส่งเงินให้เขาเลย นอกจากนี้ยังพบว่าเขาก็อัดคลิปไว้ทุกครั้งที่โทรคุยกัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรแล้วเที่ยวไปส่งให้บ้านอื่นต่ออีก
น.ส.ดวงกมล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค.เขามาจะให้ตนไปศูนย์ดำรงธรรม วันที่ 8 มี.ค. แต่ตนยังไปไม่ได้เพราะยังเลื่อนศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่นัดไกล่เกลี่ยคดีรถชนขาหักไม่ได้ เมื่อวานเข้ามาที่บ้านเข็นวีลแชร์แม่เขานั่งมา มาบอกว่าจะให้ตนไปศูนย์ดำรงธรรม จึงมีการโต้เถียงกัน พี่สาวตนจึงใช้น้ำฉีดใส่เขา หลังจากนั้นพี่สาวตนก็กลับบ้านไป เพราะพี่สาวมาอยู่เป็นเพื่อนในช่วงที่ตนขาหัก
เบื้องต้น หลังเกิดเหตุทั้งสองฝ่ายต่างแจ้งความ โดยน.ส.ดวงกมล แจ้งความข้อหาบุกรุก ส่วนน.ส.จิตรทิวา และมารดา แจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยได้ส่งตัวไปตรวจร่างกายพร้อมกับล้างตาให้ น.ส.นาตยา อายุ 82 ปี จนปลอดภัยแล้ว