เศรษฐินีตามหาสามีหายจากบ้าน คดีพลิก กลับมาเซ็นยกทุกอย่างให้เมีย แต่ขอชีวิตคืน

เศรษฐินีตามหาสามีหายจากบ้าน คดีพลิก กลับมาเซ็นยกทุกอย่างให้เมีย แต่ขอชีวิตคืน

เศรษฐินีตามหาสามีหายจากบ้าน คดีพลิก กลับมาเซ็นยกทุกอย่างให้เมีย แต่ขอชีวิตคืน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เศรษฐินีตามสามีหายไปกับลูกจ้างหญิง คดีพลิก ผัวโผล่ยกทรัพย์สินให้เมียหมดทุกอย่าง แต่ขอชีวิตคืน เผยเหตุผลที่ทนไม่ไหว

จากกรณีที่ น.ส.มัลลิกา อายุ 57 ปี ขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าวว่า สามี คือ นายสรายุทธ อายุ 53 ปี หายออกจากบ้าน ที่ถนนราชพฤกษ์-ติวานนท์ หมู่ที่ ต.บางคูวัด อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี อย่างไร้ร่องรอย โดยมีทรัพย์สินมีค่าหลายรายการติดตัวไปด้วยและไม่สามารถติดต่อได้ โดยมีการแจ้งความไว้กับ พ.ต.ต.ชัยพัชร์ อารีย์วงษ์ พนักงานสอบสวน สภ. เมืองปทุมธานี คาดว่าถูกคนร้ายซึ่งเป็นลูกจ้างที่ตนเองเอ็นดู ดูแลอุปการะ หลอกไปเพื่อรูดทรัพย์เพราะมีหลักฐานการเชื่อมโยงหลายอย่างและเกรงว่าจะเกิดอันตราย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้นความคืบหน้า

เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 11 มีนาคม 2567 มีผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านติดต่อมายังเพจ “ปทุมธานีที่นี่มีแต่เรื่อง” หลังมีการโพสต์เรื่องราวเศรษฐินีตามหาสามีที่หายออกจากบ้านไป โดยรู้จักและสามารถติดต่อบุคคลทั้งสองคนได้และอยากเข้าพบตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ใช่การลักพาตัวรูดทรัพย์ และบุคคลดังกล่าวไม่ได้รับอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น จึงมีการนัดพบกันที่ สภ.เมืองปทุมธานี โดยทางแอดมินเพจได้ประสานไปยัง พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.ปทุมธานี ให้รับทราบ

เมื่อถึง สภ.เมืองปทุมธานี นายสรายุทธ อายุ 53 ปี บุคคลที่ถูกภรรยาออกตามหาได้ลงจากรถยนต์ของผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่งที่มีความไว้วางใจ พร้อมกับ น.ส.สายฝน อายุ 44 ปี อดีตลูกจ้างที่หายตัวไปในวันไล่เลี่ยกัน โดยเข้าพบ พ.ต.ท.เสฏฐพงศ์ ทรงกลด รอง ผกก.สส.สภ.เมืองปทุมธานี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ

นายสรายุทธ เปิดเผยว่า ในวันที่ 5 มีนาคม2567 ช่วงเย็นตนเองเป็นคนเรียกแท็กซี่เอง เพราะแท็กซี่เข้ามาส่งลูกค้าในหมู่บ้านพอดี โดยตนเองให้ไปส่งที่ซอยวัดเสด็จ อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี เพื่อเดินทางไปหา น.ส.สายฝน  พื่อขอยืมเงินในการหนีออกจากบ้าน  ที่ตนเองต้องทำเช่นนี้เพราะเบื่อจนทนไม่ไหว ภรรยาด่าด้วยคำหยาบทุกวัน (ไอ้เหี้x ไอ้สัxว์ เมื่อไหร่มึงจะตายซักที) โดยทรัพย์สินที่ตนเองติดตัวมามาสร้อยและพระเลี่ยมทองโดยสร้อยตนเองนำไปขายแล้วเพื่อใช้ในการเดินทาง

สำหรับเงินที่มีการโอนให้กับญาติของ น.ส.สายฝน  เพราะตนเองยืมมาใช้ในการเดินทาง โดยก่อนหน้านี้ไม่มีการนัดมาก่อน ทุกอย่างเป็นความคิดของตนเอง จากวันที่ออกไปตนเองไปอยู่หลายที่แต่ที่ไม่ติดต่อกลับมาหาภรรยาเพราะไม่อยากคุยด้วย โดยภรรยาคนนี้อยู่ด้วยกันมากว่า10 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ปัญหาที่ตนเองอัดอั้นตันใจเพราะ 1-2 ปี มานี้หลังจากที่ตนเองป่วยเส้นเลือดสมอง ทำให้แขนซ้ายอ่อนแรงไม่สามารถใส่เสื้อเองได้ จึงต้องเป็นภาระภรรยาที่ต้องคอยใส่ให้ เมื่อใส่ก็จะกระชากรุนแรง

โดยภรรยามีการทำกรมธรรม์ไว้กับประกันภัยบริษัทหนึ่งหากตนเองเสียชีวิตจากอุบัติเหตุภรรยาจะได้รับเงิน 10 ล้านบาท วันนี้ที่ตนเองมาพบตำรวจเพราะต้องการแสดงให้เห็นว่า น.ส.สายฝน  อดีตลูกจ้างไม่ใช่คนล่อลวงตนเองออกจากบ้านไป ตนเองอายุ 53 ปี ไม่มีใครล่อลวงตนเองได้ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเอง ไม่มีใครสอน สำหรับที่ภรรยาบอกว่ามีอาการป่วยทางสมองหลงลืม ขอยืนยันว่าตนเองมีความจำที่ดี สามารถขับรถจาก กทม.ไปกระบี่ได้ ทุกวันนี้ยังรู้เรื่องทุกอย่าง วันนี้ต้องการแยกทางกับภรรยา ก็ต้องไปอาชีพที่ได้เงิน หางานทำ จากนี้หาก น.ส.สายฝน  พร้อมที่จะดูแลตนก็จะไปอยู่ด้วย และยืนยันว่าจะไม่ขอกลับไปคืนดีกับภรรยาอีก เพราะที่ผ่านมาเคยไล่ออกจากบ้าน ไล่ไปนอนบ้านน้องสาวที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

น.ส.สายฝน เปิดเผยว่า ตนต้องเดินทางมาพบตำรวจเพราะพี่สาวพี่ชายลูกถูกคุกคามหมด โดยภรรยานายสรายุทธ คอยส่งไลน์ไปหาตนว่าจะให้ตำรวจล่า หากเจอจะทำร้ายร่างกาย ส่วนลูกสาว อายุ 8 ขวบ ภรรยานายสรายุทธ ได้ให้ตำรวจไปหาคุณครูที่โรงเรียน ไปหาที่บ้านถามทุกอย่างกับเด็กอายุเพียงเท่านี้ ตอนนี้เด็กสอบก็ไม่ได้ไปสอบเพราะครูสั่งว่าอย่าไป เพราะมีการขู่ว่าจะมีการจับตัวเด็กเพื่อให้ตนออกมา

ในวันเกิดเหตุนายสรายุทธ เป็นคนมาหาเอง ตอนที่อยู่ด้วยกันที่บ้านตอนเป็นลูกจ้างตนก็ดูแลทุกอย่าง ตลอด 2 เดือนที่ไปเป็นลูกจ้าง ได้ค่าตอบแทนบ้าง รวม 2,000 บาท

ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้สองสามีภรรยาพูดคุยกัน ทำให้เกิดปากเสียงกันอย่างรุนแรงเสียงดังลั่นห้อง จนตำรวจต้องเข้าห้ามปรามและให้สงบสติอารมณ์ลง โดยนายสรายุทธ  ได้ลงประจำวันเป็นลายลักษณ์อักษรมอบทรัพย์สินเป็นบ้านที่พักอาศัยอยู่มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท อาวุธปืน และห้องพักในโครงการเอื้ออาทร 2 แห่งให้ภรรยา เพื่อแลกกับชีวิตของตนเองคืนกลับมา

น.ส.มัลลิกา อายุ 57 ปี เปิดเผยว่า ไม่ได้เจอกับสามี 7 วันเขาเปลี่ยนไปเยอะ จะด้วยผู้หญิงพูดอย่างไรตนเองไม่ทราบ หลังจากพูดคุยกันครู่ใหญ่ได้มีการตกลงกันโดยสามีตนเองว่าเราจะแยกทางกันจบกันด้วยดี โดยทรัพย์สินได้ลงบันทึกประจำวันไว้แล้วว่าบ้านและที่ดิน ปืนพกสั้นขนาด 9 มม.1กระบอก อาคารชุดเอื้ออาทร 2 แห่ง กรมธรรม์ประกันชีวิต 3 ฉบับยกให้กับตนเอง  

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook