รู้ไว้ดีกว่า! ความถี่การ "กะพริบตา" บ่งชี้ 5 โรคอันตราย ที่หลายคนคาดไม่ถึง
![รู้ไว้ดีกว่า! ความถี่การ "กะพริบตา" บ่งชี้ 5 โรคอันตราย ที่หลายคนคาดไม่ถึง](http://s.isanook.com/ns/0/ud/1857/9286494/tagline(1).jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
รู้หรือไม่ ความถี่ของการ “กะพริบตา” สามารถเผยบ่งชี้ปัญหาสุขภาพร้ายแรงได้ ผู้เชี่ยวชาญเตือน 5 สัญญาณควรระวัง
โดยเฉลี่ยแล้วผู้ใหญ่ส่วนใหญ่จะกะพริบตาทุกๆ 3-5 วินาที ซึ่งช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้นและสะอาด อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าในบางกรณีการกะพริบตามากเกินไปหรือน้อยเกินไป อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่อันตรายได้ เช่น
โรคพาร์กินสัน
การศึกษาหลายชิ้นพบว่าความเร็วของการกะพริบตาสะท้อนปริมาณโดปามีนในสมอง ยิ่งเรามีโดปามีนน้อยลง เราก็จะยิ่งมีสมาธิกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากขึ้น และเราก็กะพริบตาน้อยลงด้วย
คนที่เป็นโรคพาร์กินสันจะมีสารเคมีโดปามีนในสมองไม่เพียงพอ เนื่องจากเซลล์ประสาทบางส่วนทำให้โดปามีนหยุดทำงานซึ่งอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ มากกว่า 40 อาการ แต่อาการหลักๆ คือ การเคลื่อนไหวช้าและกล้ามเนื้อตึง กะพริบตาช้าลงและมือสั่น
โรคคอพอกตาโปน หรือ โรคเกรฟส์
การกะพริบตาน้อยลงอาจเป็นสัญญาณของโรคเกรฟส์ ซึ่งเป็นความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่นำไปสู่การผลิตฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไป (ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน) สภาวะภูมิต้านตนเองจะเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกาย ส่งผลให้น้ำหนักลดลง และลดระดับพลังงานในร่างกาย
นอกจากการกะพริบตาน้อยลงแล้ว สัญญาณทั่วไปอื่นๆ ของโรคเกรฟส์ ได้แก่ อาการวิตกกังวล อาการสั่น ความไวต่อความร้อน และการเต้นของหัวใจผิดปกติ
โรคหลอดเลือดสมอง
สภาวะทางระบบประสาทอื่นๆ นอกเหนือจากโรคพาร์กินสัน เช่น โรคหลอดเลือดสมอง อาจทำให้อัตราการกะพริบตาปกติช้าลง เนื่องจากเส้นประสาทของเปลือกตา เส้นประสาทใบหน้า หรือกล้ามเนื้อเปลือกตาอาจเสียหายได้
โรคหลอดเลือดสมองเป็นการโจมตีของสมองที่คุกคามถึงชีวิต ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหนึ่งถูกตัดขาด โดยอาการของโรคได้แก่ พูดไม่ชัด ชา อ่อนแรง หรือเป็นอัมพาตที่ใบหน้า แขน หรือขา
โรคภูมิแพ้และการติดเชื้อ
ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่น เครื่องสำอาง และสะเก็ดผิวหนังของสัตว์ เป็นสารก่อภูมิแพ้บางชนิดที่สามารถทำให้เกิดอาการแพ้ได้ และเพิ่มความถี่ของการกะพริบตาได้
จากผลวิจัยในสหราชอาณาจักร คาดว่าผู้คนมากถึงหนึ่งในสี่ จะได้รับผลกระทบจากโรคภูมิแพ้ หรือการเจ็บป่วยบางประเภทในช่วงชีวิตของพวกเขา เมื่อสัมผัสบางสิ่งที่เป็นสารก่ออาการแพ้ ร่างกายจะตอบสนองโดยปล่อยฮีสตามีนเข้าตา ทำให้หลอดเลือดในดวงตาขยายตัวและใหญ่ขึ้น สิ่งนี้อาจทำให้ดวงตาของคุณแดงและคันทำให้เกิดอาการแสบร้อนได้ บวม หรือน้ำตาไหลออกมา
ภาวะกล้ามเนื้อกระตุกรัว
การกะพริบตาบ่อยๆ อาจเป็นภาวะกล้ามเนื้อกระตุกรัว (Myoclonus) ที่เกี่ยวข้องกับโรคทูเร็ตต์ (Tourette syndrome) ซึ่งเป็นความผิดปกติทางระบบประสาท ทำให้มีอาการกระตุกของกล้ามเนื้ออย่างกะทันหันและควบคุมไม่ได้ เช่น การกะพริบตาถี่เกินไปหรือต่อเนื่อง
ตามรายงานที่พบในสหราชอาณาจักร แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของโรคทูเรตต์ แต่คาดว่าเกี่ยวข้องกับปัญหาในส่วนหนึ่งของสมองที่เรียกว่าปมประสาทฐาน ในผู้ที่เป็นโรคทูเร็ตต์ พบว่าปมประสาทฐาน 'ล้มเหลว' ซึ่งนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อกระตุกรัว
- แพทย์อเมริกัน แนะนำเครื่องดื่ม 3 ชนิด ที่ตับและระบบย่อยอาหาร "ชอบ" ทุกอย่างมีขายในไทย!
- หมอเตือนแล้วนะ! ชายโสดโปรดระวัง เจอเคสใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง จู่ๆ ตื่นมากลายเป็นคนพิการ