ภรรยา "วินัย ไกรบุตร" เล่าทั้งน้ำตา! สามีฝันแปลก ก่อนจากกัน เฝ้าบอกย้ำๆ รักนะ
เอ๋ อรชัญญา ภรรยาคู่ชีวิต ของพระเอกร้อยล้าน วินัย ไกรบุตร หรือ เมฆ วินัย ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน หลังนำร่างสามี มาตั้ง ณ ศาลา 10 วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต เพื่อเตรียมทำพิธีทางศาสนาในช่วงเย็นและค่ำวันนี้ (21 มี.ค. 67)
โดยเจ้าตัวได้เล่าทั้งน้ำตา ถึงช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตของ วินัย ไกรบุตร และคำพูดที่ฝากไว้ ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายไม่อยากให้ต้องเป็นห่วงพราะที่ผ่านมาได้ทำหน้าที่สามีและพ่ออย่างดีที่สุดแล้ว ส่วนหลังจากนี้ตัวเธอเองก็จะทำตามความตั้งใจที่ได้วางไว้ร่วมกันให้ดีที่สุด...
"สามีเข้าโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 18 แต่ก่อนหน้านี้วันที่ 15 น้องเล่าว่าพี่เมฆหยุดหายใจไปแป๊บนึง ตอนที่เราไปรับลูก พอกลับไปถึงบ้าน น้องก็พยายามกระตุ้นให้ฟื้น เราก็คิดว่าตอนนั้นเขาอาจจะค้างไป แต่หลังจากนั้นเขาแปลกไป เรียกเราไปหอม บอกรักๆ ว่ารักนะ เป็นแบบนี้ 2-3 วัน และบอกว่าเหนื่อยมากเลย เราคิดว่าเขาเหนื่อยจากแผล จากที่เข้าโรงพยาบาลล่าสุด คิดว่าเขาเพลีย เลยบอกให้เขานอน เหนื่อยก็พัก กระทั่งวันที่ 18 จู่ๆ ก็มีอาการเกร็ง เราเรียกรถฉุกเฉิน หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันอีก"
"ตอนนั้นก็สังหรณ์ใจ มันผิดปกติ เพราะปกติเขาไม่บ่นว่าเหนื่อย มีแต่บอกให้สู้ไปด้วยกัน เราก็เลยใจไม่ดี ไม่คิดว่าเขาจะไป ก่อนหน้านี้เขาดีขึ้นช่วงนึง มีแผลเยอะ เขาก็ไปให้เลือด ไปให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลสายไหม เขาบอกว่าเขาฝันบอกว่ามีคนบอกเขาว่าให้รูดออกให้หมด เขาเลยรูดผิวหนังตัวเองออกหมดเลย เราตื่นขึ้นคิดว่าเป็นอะไร เลือดท่วมตัว เลยเรียกพยาบาล ปรากฎว่าถุงที่ให้เลือดถูกดึงออกหมด แล้วเขาก็ขอโทษบอกว่าเขาฝันว่ามีคนบอกให้เขารูดออกให้หมด หลังจากนั้นเขาก็เป็นแผลทั้งตัว"
"เมื่อคืนคุณหมอประเมินว่าติดเชื้อในกระแสเลือด เพราะอุณภูมิในร่างกาย 36 องศา ความดันตก หัวใจเต้นช้าลง น้ำเริ่มท่วมปอด แต่ความดันตก เลยไม่สามารถรีดน้ำออกจากปอดได้ มันเป็นภาวะที่อันตรายก็เลยปล่อย เมื่อวานเราก็อยู่กับเขาทั้งวัน จนเขาไป หมอให้เราเข้าไปคุย เราบอกว่าให้เขาสู้ แต่ถ้าสู้จน (ร้องไห้) มัน 5 ปีเนาะ เขาสู้มาตลอด เขาคิดถึงครอบครัวตลอด เขาบอกว่าให้สู้เพื่อพี่นะ แต่ถ้าไม่ไหว ถ้าเหนื่อยพี่ก็พักนะ เราก็บอกถ้าไม่ไหวก็พอแล้ว"
"เมื่อวานหมอบอเราว่าเสี่ยง ทำเรื่องส่งตัวไปจุฬาฯ แต่ความดันตกเรื่อยๆ ทางนั้นก็ไม่กล้ารับ ทางนี้ก็ไม่กล้าส่ง อาการของเขาแย่ลง เราก็เห็นเขาเหนื่อยร่างการกระตุกตลอด เขามาเป็นช่วงหลัง ช่วงหลังเขาเจ็บมาก รู้สึกเหนื่อย เรารักเขาทำได้ทุกอย่าง ทุกอย่างคือภาระของเรามาตลอด เราว่าที่เขาฝืนเพราะกลัวเราไม่ไหว พอเราออกสื่อว่าไหว เขาคงหมดห่วง"
"อยากบอกว่าไม่ต้องห่วง ไปภพภูมิที่ดี พี่ทำดีที่สุดแล้ว เป็นสามีที่ดี เขาตั้งเป้าหมายให้ลูกเสมอ สิ่งที่พี่เมฆต้องการ เราก็จะสานต่อ ในฐานะแม่ ฐานะเมีย จากนี้จะทำทุกอย่าง จริงๆ เราวางแผนเปิดบริษัท ธุรกิจเพิ่มไปแล้ว ก่อนที่แกจะไป ส่วนคอนเสิร์ต ด้วยความที่เมฆเป็นหัวหน้าครอบครัว พอป่วยหาเงินไม่ได้ เขาเครียด ไปยืมเงินเพื่อน เราปล่อยให้เขาทำจนถึงที่สุด และบอกสามีว่าเราจะทำต่อ เราทำต่อ เราทำเพิ่ม เพื่อมีรายได้จุนเจือครอบครัว ระหว่างนั้นเขาคุยกับพี่หนุ่ม ทำเพื่อนช่วยเพื่อน เพราะมีค่ายาค่ารักษาตัว ค่ายาไม่แพง แต่การดูแลเขาแพง เราไม่เคยให้พี่เมฆรับรู้ ค่าใช้จ่ายหลักแสน พอเขารู้เขาเครียด พี่หนุ่มเลยอยากช่วย"
"คอนเสิร์ตยังจัดปกติ หลังจากที่เสร็จพิธี เขาขอบคุณเพื่อนในวงการ ถ้าเขาไม่ป่วยเขาไม่เคยรู้ว่ามีคนรักเขาขนาดนี้ เขาขอให้แฟนคลับทุกคนอโหสิกรรมให้พี่เมฆ เขาเคยบอกกับเรา เราก็อยากเป็นตัวแทนขออโหสิกรรม หากคำพูดของเขาไปแทงใจใคร เขาเป็นคนพูดไม่ระวัง แต่เขาจริงใจ ถ้าเขาไม่ดี คงไม่มีใครจัดคอนเสิร์ตให้"
"ที่ผ่านมาเราให้พลังบวกกันตลอด เชื่อว่าเขาไปอย่างสงบ เขาบอกว่าสังคมสมัยนี้มันบั่นทอน เลยอยากให้หลายคนเห็นเขาเป็นแรงบันดาลใจ ว่าเขาสู้ เราอยากให้คนรักสมัยใหม่เวลาล้มให้อยู่เคียงข้างกัน ความรักที่ฉาบฉวยไม่อยู่ไม่แน่น"
"ฝากถึงลูกๆ แม่จะเป็นทั้งพ่อทั้งแม่ ไม่ต้องกลัว ด้านการศึกษา ทุกอย่างทำเต็มที่ให้มากกว่าเดิม เหมือนตอนที่พี่เมฆอยู่ ขอให้ลูกเข็มแข้ง เชื่อว่าลูกเข้าใจ เพราะเห็นวันที่พ่อเขาป่วย ลูกชายถามทำไมป๊าอาการแย่ลง ตอนที่บอกว่าพ่อเสีย เขาก็อึ้ง แล้วก็ไม่กินข้าวตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ ส่วนน้องแมมดูแลพ่อปวยตั้งแต่แรกเขาคอยเช็ดแผล และบอกพ่ออยากเป็นนักแสดง พ่อบอกว่าถ้าหายจะสอน เชื่อว่าลูกเห็นและเข้าใจ"
"ส่วนตัวเองไหวเป็นช่วงๆ พอคิดถึงพี่เมฆก็ไม่ไหว แต่พอมองไปที่ครอบครัวก็ต้องไหว เราไม่ใช่คนเก่งนะ เราอยากร้องไห้ อยากกอดศพ อยากอยู่ข้าง ๆตลอดเวลา แต่มันจะทำให้คนรอบตัว มีความเครียด 5 ปีที่ป่วย เราไม่เคยห่างเขาเลย พ่อแม่เรากลัวเราไปตามเขา แต่ไม่ต้องห่วงเราไม่ไปหรอก เรามีลูกอยู่"
อัลบั้มภาพ 13 ภาพ