"เจฟ ซาเตอร์" นักเล่าเรื่องในนามศิลปินและเรื่องสุดประทับใจในตัว "คุณวันเสาร์"

เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่กำลังโด่งดังสุดๆ สำหรับ “เจฟ ซาเตอร์” นักร้อง-นักแสดง และเมนเทอร์ในรายการ CHUANG ASIA THAILAND มีพรั่งพร้อมด้วยความสามารถหลากหลายด้าน ซึ่ง Sanook ได้มีโอกาสพูดคุยสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับศิลปินหนุ่ม ถึงเส้นทางสายบันเทิงที่เขาเคยผ่านพบมา ไปจนถึงเหตุการณ์สุดประทับใจในตัว “คุณวันเสาร์” แฟนคลับที่ยืนเคียงข้างหนุ่มเจฟมาเสมอ รวมทั้งบทบาทล่าสุดในรายการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาอินเตอร์เกิร์ลกรุ๊ปครั้งแรกในประเทศไทย อย่างรายการ CHUANG ASIA THAILAND 

นักเล่าเรื่องในนาม “ศิลปิน”

หลายคนอาจไม่รู้ว่า เจฟ ซาเตอร์ เริ่มต้นเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยบทบาทนักร้อง แต่ถูกจดจำได้ในวงกว้างจากบทบาทนักแสดง ซึ่งแม้ว่าเจ้าตัวจะโด่งดังและกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากงานแสดง แต่ในช่วงแรก เขากลับไม่ชอบการแสดงและไม่ชอบใบหน้าของตัวเองเมื่ออยู่ในกล้องเอาเสียเลย กระทั่งความรักในงานการแสดงกลับค่อยๆ เพิ่มขึ้นในใจของนักแสดงหนุ่ม และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางงานแสดงของเจฟ โดยเฉพาะในบทบาทนักแสดงนำจากซีรีส์เรื่อง “คินน์พอร์ช เดอะซีรีส์” ที่นำพาให้เขามายืนอยู่ในจุดที่เรียกว่าโด่งดังถึงขีดสุด 

แม้การแสดงจะทำให้ชื่อของเจฟได้รับการรู้จัก แต่ความรักในเสียงดนตรียังมีอยู่เต็มหัวใจ นั่นจึงเป็นอีกครั้งที่เจฟหันหน้ากลับเข้าสู่เส้นทางงานดนตรี และสวมบทบาท “ศิลปิน” ที่ผลิตผลงานเพลงมาให้แฟนคลับได้รับฟังกัน

“ศิลปินสำหรับผม ก็คือคนที่กล้าเอาเรื่องของตัวเองมาเล่า หรือกล้าเอาเรื่องที่อยู่ในหัวออกมาเล่า โดยที่เราแค่อยากจะเล่าเรื่องนี้เฉยๆ โดยไม่แคร์ว่าคนอื่นจะรู้สึกหรือต้องมีความคิดเห็นอะไรกับเรา เราแค่อยากสร้างสิ่งนี้ออกมา ด้วยอารมณ์ของเราตอนนั้น อาจพูดได้ว่าศิลปินก็คือนักเล่าเรื่อง แต่เป็นรูปแบบที่ต่างกัน”

“นักร้องและนักแสดงจึงเป็นศิลปินที่เล่าเรื่องทั้งคู่ และทั้งสองบทบาทก็มีความหมายกับผมมากๆ มันคือสองเส้นทางที่มีเส้นบรรจบ แต่ก็มีปลายที่แยกออกจากกันเหมือนกัน การที่ผมได้เป็นนักร้อง ได้ทำเพลง มันคือการได้เป็นตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ ได้เอาสิ่งที่อยู่ในใจออกมาร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การเป็นนักแสดงคือการที่ไม่เป็นตัวเองเลย ได้ลองไปเป็นคนอื่นดู มันเหมือนการพักจากการเป็นตัวเองไปเป็นคนอื่น แล้วการเป็นนักร้องก็เหมือนการพักจากการเป็นคนอื่นมาเป็นตัวเอง มันสลับกันไปมา แชร์แรงบันดาลใจให้กันและกัน”

“เมนเทอร์” บทบาทใหม่ที่แสนท้าทาย

“ผมว่าการเป็นเมนเทอร์มันสนุกมาก มันเป็นความยากคนละแบบ การทำงานเล่าเรื่อง ปกติเราก็จะโฟกัสแค่ที่ตัวเราเอง แต่นี่เป็นการโฟกัสเรื่องของน้องๆ เราอยากให้ความสนใจอยู่ที่น้องๆ อยากให้สมาธิของเราต้องจดจ่ออยู่กับน้องๆ มากที่สุด และเก็บรายละเอียดต่างๆ และการนำทางใครสักคนไปในทิศทางไหนก็แล้วแต่ มันจะส่งผลต่อเขา ไม่ใช่แค่อยู่ในรายการนี้ แต่มันจะส่งผลต่อเขาในระยะยาวมากๆ เพราะฉะนั้นต้องระวังมากๆ ในการพูดอะไรก็ตาม” 

เจฟสะท้อนว่าทุกคำพูดในบทบาทเมนเทอร์ล้วนแล้วแต่มีอิทธิพลกับเด็กฝึก รวมถึงคนมีฝันที่ติดตามรายการทุกคน เขาจึงพิถีพิถันในการเลือกใช้คำเพื่อให้คำแนะนำแก่น้องๆ เด็กฝึกในรายการ ทั้งนี้เมื่อพูดถึงความเหมือนและแตกต่างระหว่างคำว่า “ศิลปิน” และ “ไอดอล” เจฟแสดงความคิดเห็นว่า “ผมไม่เคยแยกสองสิ่งนี้เลย ผมพูดมาตั้งนานแล้วว่ามันคือสิ่งเดียวกัน มันคือการเล่าเรื่อง ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกัน แล้วศิลปินแต่ละคนก็มีวัฒนธรรมของแฟนคลับแตกต่างกันอยู่แล้ว ถ้าจะบอกว่าเป็นไอดอลถึงมีวัฒนธรรมแบบนี้ คือมันไม่ใช่ แค่ศิลปินแต่ละคนมีวัฒนธรรมในการอยู่กับแฟนคลับแตกต่างกันเท่านั้นเอง ในส่วนของงานศิลป์ เขาก็สร้างงานศิลป์ออกมาเหมือนกัน เราจะระบุได้ยังไงว่าคุณค่าในงานศิลป์ของไอดอลน้อยกว่าศิลปิน หรือของศิลปินน้อยกว่าไอดอล มันไม่มีกฎเกณฑ์ตรงนั้น เพราะฉะนั้นผมมองว่าเหมือนกัน” 

คุณวันเสาร์ของ “เจฟ”

เมื่อพูดถึงแฟนคลับของศิลปินหรือไอดอลแล้ว เจฟเองก็มีแฟนคลับในชื่อ “คุณวันเสาร์” ซึ่งคอยสนับสนุนและให้กำลังศิลปินหนุ่มคนนี้อยู่เสมอ โดยเจฟเล่าถึงวัฒนธรรมแฟนคลับตัวเองที่มีความใกล้ชิดและทุกคนสนิทสนมกัน 

“ในกลุ่มแฟนคลับของผมอย่างคุณวันเสาร์ ก็จะมีบรรยากาศค่อนข้างสบายๆ เราสามารถพูดกันตรงๆ ได้ เช่น สมมติผมทำอะไรบางอย่างที่ไม่เหมาะสม เราก็คุยกันตรงๆ ได้ แต่ยังไม่มีอะไรในตอนนี้นะ คือบรรยากาศมันไม่ได้เครียด” เจฟเล่า “สำหรับแฟนคลับของผม คือเรามาใช้เวลามาอยู่ด้วยกัน มาคุยกัน ไม่ได้มาทำอะไรที่เครียด ว่าจะต้องทำสถิติให้ถึงตรงนี้ตรงนั้น แต่เรามาเอนจอยผลงานร่วมกัน เดินทางไปด้วยกัน แล้วในอนาคตเราจะมีอะไรเราก็มาตื่นเต้นไปด้วยกันในแต่ละผลงานที่ออกมา แล้วในการที่เขาสนับสนุนเรา มันก็เหมือนกับเราทั้งให้และรับ เราให้ผลงานออกไป เขาก็มอบการสนับสนุนกลับมา มันก็เป็นบรรยากาศที่สบายๆ ถ้าให้คำจำกัดความก็คือมันเหมือนเป็นคอมฟอร์ตโซนของกันและกันครับ” 

ถ้าให้เลือกเหตุการณ์สุดประทับใจที่คุณวันเสาร์เคยทำให้กับเจฟ เจฟยิ้มแล้วบอกว่ามีเยอะมาก แต่ถ้าให้เลือกเหตุการณ์สำคัญมาเล่าให้ฟัง เจฟคิดอยู่นานก่อนจะตอบว่า “ผมว่าน่าจะเป็นวันที่ผมมีโอกาสได้ออกมาทำบริษัทเอง วันนั้นแม้ว่าทุกคนจะมีความโศกเศร้าอยู่ในใจ ทุกคนร้องไห้ แต่ทุกคนก็เข้าใจและอยากเห็นผมในเวอร์ชันที่ผมได้ลองทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง แล้วทุกคนก็เชียร์ผม แม้ว่าทุกคนจะเสียใจ แม้ว่าเขาจะอยากเห็นเราในภาพนู้นภาพนี้ แต่เขาก็เชื่อใจเราว่าเราจะทำสิ่งนี้ได้ดีเสมอ”

คำแนะนำสำหรับน้องๆ

ในฐานะเมนเทอร์คนสำคัญของรายการ เจฟจะคอยแนะนำน้องๆ เด็กฝึกในรายการ CHUANG ASIA THAILAND อยู่เสมอว่าให้ทำการแสดงบนเวทีให้เต็มที่ “Don’t betray the stage” ไม่ต้องคิดถึงเรื่องการแข่งขันมากจนเกินไป แค่ทำการแสดงของตัวเองให้ดีและมีความสุขกับมันก็พอ แต่สำหรับน้องๆ CHUANG ASIA THAILAND และเด็กรุ่นใหม่ที่อยากเป็นศิลปิน ที่อาจจะยังมีปัญหาในการแสดงบนเวที หรือรู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดีเท่าที่ตัวเองอยากทำให้ได้ เจฟก็แนะนำว่า

“การขึ้นเวทีต้องเป็นเรื่องที่ทำให้เรามีความสุข อย่าให้การขึ้นสเตจเป็นเรื่องที่น่ากลัว ผมเองในวัยที่เด็กกว่านี้ก็ยังทำไม่ได้เหมือนกัน มันต้องใช้เวลา ต้องพาตัวเองขึ้นสเตจจนกว่าจะรู้สึกว่ามันเซฟแล้ว ต้องทำไปเรื่อยๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ พูดตามตรงมันคือวิธีเดียวเลยที่จะทำให้เรารู้สึกสบายใจกับการขึ้นเวที แล้วทุกอย่างที่ผิดพลาดมันดีเสมอ เพราะมันทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องมันควรจะเป็นยังไง พอมันผิดพลาดบนสเตจแล้วเราแก้ไขมันยังไง มันอาจจะกลายเป็นข้อดีของเราขึ้นมาก็ได้ มันอาจจะเป็นช่วงเวลาสุดวิเศษที่เกิดขึ้นในตอนนั้น”

“อย่าคิดว่าพอมันผิดพลาดแล้วเราจะผิดพลาดไปตลอดชีวิต เราแค่กลับมาซ้อมแล้วทำให้มันดีขึ้น สุดท้ายพอซ้อมเสร็จแล้วก็ทิ้งความรู้สึกกดดันนั้นออกไป แล้วก็ขึ้นไปบนสเตจ นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็นนะ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ เพราะฉะนั้นต้องใช้เวลา”

ผู้เขียน: ริญญภัสร์ วัฒนาพีรวิชญ์ 

ชมคลิปบทสัมภาษณ์ เจฟ ซาเตอร์ ถึงเส้นทางในการเป็นศิลปินตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และประสบการณ์ในวงการบันเทิงที่เจฟอยากถ่ายทอดและแนะนำให้กับศิลปินรุ่นใหม่