สาว 15 ติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ยืนกรานไม่เคยมีเซ็กซ์ หมอซักจนรู้ความลับ "ประตูหลัง"

สาว 15 ติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ยืนกรานไม่เคยมีเซ็กซ์ หมอซักจนรู้ความลับ "ประตูหลัง"

สาว 15 ติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ยืนกรานไม่เคยมีเซ็กซ์ หมอซักจนรู้ความลับ "ประตูหลัง"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หมอพูดไม่ออก ตรวจเด็กสาววัย 15 พบติดโรคทางเพศสัมพันธ์ แต่ยังยืนกราน "ไม่เคยมีเซ็กซ์" ต้องซักจนยอมสารภาพ "เข้าประตูหลัง"

ดร.เฉิน ซู่เผิง  สูติแพทย์และนรีแพทย์ชาวไต้หวัน ได้แบ่งปันประสบการณ์การวินิจฉัยและการรักษา นักเรียนหญิงวัย 15 ปีที่มาขอคำปรึกษาเนื่องจากมีอาการแน่นและปวดบริเวณช่องท้องส่วนล่าง และมีอาการคันในอวัยวะเพศ

ในระหว่างการวินิจฉัยเบื้องต้น เมื่อเห็นว่าคนไข้อายุเพียง 15 ปี จึงต้องสอบถามว่าอีกฝ่ายว่าเคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ ซึ่งเธอตอบอย่างชัดเจนว่า “ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์เลย”

ตอนแรกการตรวจอัลตราซาวนด์ไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่ในระหว่างขั้นตอนการวินิจฉัยและการรักษา  จู่ๆ นักเรียนหญิงก็เปิดเผยว่า แฟนหนุ่มของเธอพบว่าเธอมีผื่นคล้ายสิวใกล้ทวารหนัก คำพูดนี้กระตุ้นผู้ต้องสงสัยทันที จึงตัดสินใจตรวจภายในที่ด้านหลังอีกครั้ง และพบว่าสิ่งนั้นไม่ใช่สิว แต่เป็น “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์”

เมื่อมั่นใจว่าคนไข้มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เขาจึงถามนักเรียนหญิงอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าเธอเคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ แต่เธอยังคงยืนกรานว่าไม่มีประสบการณ์ทางเพศ กระทั่งสุดท้ายโพล่งความจริงออกมาว่า "มันเป็นแค่เซ็กส์ทางก้น" สิ่งที่ได้ยินทำให้ทีมแพทย์พูดไม่ออก

คุณหมอยอมรับว่าเขาเองก็รู้สึกตกใจอย่างมากกับประสบการณ์ทางการแพทย์นี้ และให้ความรู้ในตอนท้ายของบทความว่า "ลูกๆ ที่รัก การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก ก็เป็นพฤติกรรมทางเพศอย่างหนึ่ง โปรดใช้มาตรการป้องกันเพื่อความปลอดภัยด้วย โอเคไหม? การสวมถุงยางอนามัยนั้นง่าย ราคาถูก และปลอดภัย ถ้าทำไม่เป็นก็ลองศึกษาจากวิชาสุขศึกษาอีกทีหนึ่ง”

โพสต์ดังกล่าวทำให้เกิดการอภิปรายอย่างดุเดือด ชาวเน็ตเชื่อว่าความรู้เรื่องเพศศึกษาของไต้หวันควรได้รับการเสริมสร้างให้เข้มแข็งขึ้น เพื่อให้เด็กๆ ไม่ได้รับผลกระทบจากความเข้าใจผิด และทัศนคติพังๆ เช่นนี้อีก

ทั้งนี้ยังมีชาวเน็ตตั้งคำถามว่า "การมีเพศสัมพันธ์ของเด็กอายุ 15 ปีไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายหรือ?" ซึ่งคุณหมอก็ได้เข้ามาตอบด้วยว่า "ใช่ มันผิดกฏหมาย และอยากจะแชร์ว่าตอนนี้คนหนุ่มสาวจำนวนมากจริงๆ ที่ริลองผลไม้ต้องห้ามเช่นนี้"

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook