ซื้อรถมือสองมา 11 วัน โดนไฟแนนซ์ตามยึด เจ๊เจ้าของเต็นท์ยอมรับเอง ติด GPS ทุกคัน
รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณีผู้เสียหายมาร้องเรียนกับสื่อว่า ซื้อรถจากเต็นท์รถมือสองได้แค่ 11 วัน กลับถูกเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์มาตามยึด ทั้งยังเจอ จีพีเอส ถูกแอบติดตั้งไว้ในรถ
คุณลูกหมู เล่าว่า ตนทำงานเป็นเซลส์ขายรถมือ 1 ยี่ห้อหนึ่ง ในจังหวัดปทุมธานี ว่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา น้องชายอยากได้รถเพื่อนำมาขับรถส่งพัสดุ ตนจึงได้เข้าไปดูในกลุ่มเฟซบุ๊ก ที่รวมเต็นท์รถมือสอง จึงได้เดินทางไปดูรถที่เต็นท์รถแห่งหนึ่ง ใน ซอยลาซาล แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ ซึ่งตนพร้อมครอบครัว ได้เดินทางไปดูรถและถูกใจ จึงใช้ชื่อพ่อเป็นคนซื้อ ส่วนตนเป็นคนค้ำประกัน รถที่ตนไปดูเป็น รถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ตอนเดียว หลังคาตู้ทึบ ทะเบียน 2 ฒฏ 6764 ในราคา 359,000 บาท โดยตนได้วางเงินจองไป 5,000 บาท หลังจากนั้นในวันที่ 9 มีนาคม 2567 วันออกรถ ตนจ่ายเงินรวมไปเป็นเงินกว่า 60,000 บาท แล้วรับรถออกมา
แต่ก็พบว่ารถคันดังกล่าวขาดต่อภาษี มา 3 ปี แล้ว ตนจึงติดต่อทักท้วงให้เต็นท์รถดังกล่าวต่อภาษีให้เรียบร้อย ก่อนที่ทางเต็นท์ได้ขอรถกลับไปเพื่อทำการต่อภาษี ซึ่งน้องชายได้นำรถไปให้วันศุกร์ ที่ 15 มี.ค. โดยทางเต็นท์บอกว่าวันนี้ไม่ทัน ให้จอดรถไว้ก่อนแล้วค่อยมารับวันจันทร์ ที่ 18 มี.ค. แต่พอเราไปรับรถ ก็ยังต่อภาษีไม่ได้ โดยทางเต็นท์ให้เหตุผลว่าต้องต่อภาษีใช้เวลาหลายวัน จึงให้เราเอารถออกมาใช้ก่อน ซึ่งตนก็แปลกๆใจหลายเรื่อง เพราะตอนแรกที่โอนเงินจองก็เป็นชื่อของบริษัท แต่ตอนที่โอนเงินตอนหลังเป็นชื่อส่วนบุคคล แถมชื่อในใบครอบครองก็ไม่ตรงกับชื่อของเจ๊เจ้าของเต็นท์ ซึ่งเขาก็บอกว่าเจ๊เปลี่ยนชื่อ นามสกุล จึงไม่เหมือนกัน ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเต็นท์รถใหญ่โต คงไม่น่าจะมีอะไร ก็เลยนำรถกลับมา
หลังจากไปรับรถมา คุณแซ็ค น้องชายตนได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวไปหามารดาที่คอนโดแห่งหนึ่งแถวถนนลาดปลาเค้า กรงเทพมหานคร จากนั้นได้มีรถกระบะมาจอดปิดหน้ารถของน้องชาย พร้อมทั้งมีชายฉกรรณ์จำนวน 7 คนเดินลงมาจากรถ แล้วมีชาย 2 คน เดินมาที่รถของน้องชายตนไม่ให้ไปไหน และอ้างว่ามาจากไฟแนนซ์จะมายึดรถคันดังกล่าว น้องชายจึงได้โทรศัพท์มาหาตน และให้ตนพูดคุยกับบุคคลที่อ้างตัวว่ามาจากไฟแนนซ์ ไม่ยินยอมให้ยึดรถไปเพราะตัวเองซื้อมาถูกต้องและใช้รถได้เพียง 11 วัน กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวก็ยืนยันจะยึดรถให้ได้ ตอนแรกกลุ่มชายฉกรรจ์จะให้บังคับให้น้องเราไปนั่งรถเขา แล้วตัวชายฉกรรจ์จะมาขับรถของน้อง ซึ่งมีภรรยาที่ท้อง+เด็กอยู่ในรถ (แต่น้องชายไม่ยอม) ชายฉกรรจ์จึงให้น้องชายตนขับรถตามไป สน.บางเขน
ตนจึงแนะนำให้น้องชายขับรถหนีระหว่างเดินทางไป สน. ก่อนที่จะหลบหนีมาได้ ตนได้ติดต่อไปยังบริษัทที่จะมายึดรถเพื่อพูดคุยเจรจา เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าตนได้ซื้อรถมาจากที่ไหน ซึ่งทางบริษัทที่จะมายึดรถได้บอกว่า คุณโดนหลอกแล้ว รถคันนี้ไม่ได้ส่งมา 3 ปีแล้ว และถูกฟ้องดำเนินคดีเพื่อยึดรถแล้ว ตนก็แปลกใจ ว่าพึ่งออกรถมาได้ 11 วัน แต่กลับถูกบริษัทมาตามยึดรถ แถมรถยังมาถูกบริษัทยึดรถไล่ติดตาม และอีกอย่างทางบริษัทที่จะมายึดรถยังไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆกับเราเลย แถมระหว่างพูดคุยยังใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม แถมยังโดนด่าอีก
ตนจึงได้ติดต่อกลับไป เต็นท์รถ เพื่อพูดคุยกับทางเจ๊ เจ้าของเต็นท์ ซึ่งในเบื้องต้น ตนบอกว่า ทำไมเอารถมีปัญหามาขายให้หนู แต่ทางเจ๊เจ้าของรถ ก็พูดบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จนสุดท้ายเขาก็บอกว่าให้เอารถมาคืน เดี๋ยวจะคืนเงินให้ แต่ไม่คืนจำนวนเต็มนะ จะต้องหักค่าใช้จ่ายที่เอารถไปใช้ ซึ่งตนเห็นว่าไม่ยุติธรรม เพราะตนต้องการคืนเงินเต็มจำนวน เพราะเนื่องจากว่า ทางเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด แต่ทางเจ้าของรถก็ไม่ยินยอม ตนจึงได้อัดคลิปลงใน ติ๊กต๊อก ซึ่งก็มีคนเข้ามาชมและแชร์ออกไปเป็นจำนวนมาก จนมีพี่ๆที่ใจดีติดต่อมาว่า ต้องตรวจสอบรถเพราะคาดว่า น่าจะมีการติด จีพีเอส หรืออะไรไว้ในรถอย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากที่ตรวจสอบอยู่นาน ก็พบว่ามี จีพีเอสติดตามรถอยู่ที่บริเวณหลังพวงมาลัย พร้อมด้วยไมค์โครโฟน ซึ่งหลังจากที่พบจึงได้เเกะออกมา พร้อมทั้งให้น้องชายเดินทางไปแจ้งความ ที่ ร.ต.อ.คีรีเอก บุญมงคล รอง สว.(สอบสวน) สน.บางเขน ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบ ที่มีภาคสนาม 7 คนเดินทางมาเพื่อที่จะทำการยึดรถ เพราะตนคาดว่า วันที่เต็นท์ขอรถกลับไป 3 วันนั้น อาจจะเอาไปติด จีพีเอส มา เพราะหลังจากวันที่รับรถมาวันเดียวกันก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ อ้างตัวเป็น ภาคสนามมายึดรถเลย
ขณะที่เจ้าของรถเดิม เล่าว่า รถคันนี้แฟนเก่าเป็นคนออก แต่ชื่อเป็นชื่อตน ส่งค่างวดไปได้เกือบๆ ปี แต่มามีปัญหาเลิกรากัน ภาระตกมาเป็นของตน จึงตั้งใจจะเอารถไปขายเพื่อให้หมดภาระ ซึ่งตอนที่เอารถไปจอดที่เต็นท์นี้ ได้บอกกับเต็นท์ว่าอยากตัดภาระตรงนี้ออกไป ยกรถให้เต็นท์ไปฟรีๆ เพราะขายก็คงไม่ได้เงินกลับมาอยู่แล้ว ทางเจ๊เจ้าของเต็นท์รับปากว่าจะเอาเงินสดไปปิดยอดไฟแนนซ์ที่ค้างอยู่ประมาณ 3.5 แสนบาทให้ แล้วเดี๋ยวเขาจะขายรถคันนี้เอง หลังจากนั้นเป็นต้นมาตนก็ไม่ได้รู้เรื่องรถคันนี้อีกเลย
ต่อมาเจ๊เอ เจ้าของเต็นท์ชี้แจงว่า ยอมรับว่าซื้อรถคันนี้มา โดยที่รถติดไฟแนนซ์อยู่จริง ด้วยปัญหาอะไรต่างๆ ก็มีการติดพันกันเรื่องค่างวด ต้องเอาเงินไปเคลียร์กับธนาคารจริงๆ แต่ไม่ได้บอกคุณลูกหมูในวันที่มาซื้อรถ เพราะคิดว่าได้เงินมา จะเอาไปเคลียร์กับธนาคารในวันต่อมา เรื่องก็จะจบ แต่ยอมรับว่าทั้งตนและเซลส์ไม่ได้บอกลูกค้าก่อน ว่ารถติดไฟแนนซ์
ส่วนประเด็นการติด จีพีเอส ตนติดในรถทุกคันของเต็นท์ เพราะมันเป็นทรัพย์สินของเรา เราไม่รู้ว่าลูกค้าแต่ละคนเป็นคนดีหรือไม่ดี ก็ต้องติดไว้เพื่อป้องกันลูกค้าหนี ซึ่งทนายแก้วบอกว่าแบบนี้ทำไม่ได้ มันละเมิดสิทธิ์ ผิดกฎหมาย แต่เจ๊ก็ยืนยันว่าต้องทำเพื่อปกป้องทรัพย์สินของทางเต็นท์
เจ๊เอระบายความอัดอั้นว่า เต็นท์ของตนให้โอกาสทุกคนที่ขอสินเชื่อยาก ขอไม่ได้ เวลารถมีปัญหามา ตนก็ต้องรับผิดชอบมาแล้วหลายเคส ซึ่ง หนุ่ม กรรชัย ก็บอกว่ามันเป็นคนละประเด็น มันไม่ใช่ข้ออ้างจะมาทำแบบนี้กับลูกค้า
แล้วที่บอกว่า ไฟแนนซ์มาตามยึดรถคุณลูกหมู แล้วเจ้าหน้าที่บอกว่า มีอะไรให้คุยกับเจ๊เลย เจ๊เคลียร์หมดแล้ว จริงๆ ไม่ได้เคลียร์ใต้โต๊ะอะไรแบบนั้น แค่โทรไปโวยธนาคารว่า เอาเงินไปจ่ายแล้ว แล้วไปยึดรถเขาทำไม แค่นั้นเอง
แล้วที่ลูกค้าบอกว่า จะคืนรถ ตนก็จะรับคืนจริงๆ ไม่ได้ห้ามเลย แต่จำเป็นต้องหักค่าเสื่อมเพราะเขาเอารถไปขับแล้ว ถ้ารถเป็นอะไรตนจะมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นได้อย่างไร แต่ทนายแก้วบอกว่า คิดแบบนี้ไม่ถูก เพราะคุณลูกหมูถูกหลอกให้ซื้อรถที่มีปัญหา เขามีสิทธิ์จะเรียกค่าเสียหายจากเจ๊ได้ด้วยซ้ำ
ต่อมายังมีลูกค้าอีกหลายรายที่ได้ชมรายการ แล้วโทรมาโฟนอิน เพราะเจอสารพัดปัญหาจากเต็นท์นี้ ทั้งในมุมลูกค้า ในมุมเจ้าของรถที่เอาไปฝากขาย พบว่าเจอปัญหาคล้ายกัน คือเจ๊เอารถไปแล้วไม่เอาเงินไปปิดไฟแนนซ์ จ่ายค่างวดบ้าง ไม่จ่ายบ้าง รอจนกว่าจะมีคนมาซื้อรถ แล้วค่อยเอาเงินสดไปปิดไฟแนนซ์ ผู้เสียหายบางรายถูกฟ้องศาล ถูกยึดทรัพย์
ซึ่งทนายแก้วบอกว่า การที่เจ้าของรถจะเอารถไปฝากเต็นท์ขาย มันทำไม่ได้ สัญญาทำกับบริษัทไฟแนนซ์ เจ้าของรถก็คือบริษัทไฟแนนซ์ ต้องเอาเงินไปปิดไฟแนนซ์ก่อนถึงจะยักย้ายถ่ายมือได้ ถ้ามีปัญหาขึ้นมา ธนาคารไฟแนนซ์เขาฟ้องยักยอกทรัพย์ได้
ทนายแก้วอธิบายในข้อกฎหมายว่า สิ่งที่เจ๊เอพูดมาทั้งหมด จะอ้างปัญหา อ้างคดีในอดีตต่างๆ นานา มันทำไม่ได้ สิ่งที่เจ๊ทำมันมีความผิดกฎหมายหลายข้อ ทั้งในเรื่องการจงใจปกปิดข้อมูลก่อนขายรถให้ลูกค้า เป็นเรื่องฉ้อโกง มีโทษหนัก เซลส์ก็ต้องไปพิสูจน์ว่าสมรู้ร่วมคิดกับเจ๊ด้วยไหม การเอาจีพีเอสไปติดก็มีความผิดฐานละเมิด ผิดกฎหมาย PDPA ถ้าการติดจีพีเอสทำได้จริงๆ แบบนี้ธนาคารเขาก็ไม่ต้องไปจ้างเอาท์ซอสมาตามหารถแล้ว
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ