ศาลฎีกาเลือกองค์คณะพิจารณาคดี ทักษิณ จงใจปกปิดทรัพย์สิน

ศาลฎีกาเลือกองค์คณะพิจารณาคดี ทักษิณ จงใจปกปิดทรัพย์สิน

ศาลฎีกาเลือกองค์คณะพิจารณาคดี ทักษิณ จงใจปกปิดทรัพย์สิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือก 3 ประธานแผนกคดีในศาลฎีกา-5 ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา และผู้พิพากษาศาลฎีกา เป็นองค์คณะคดี ป.ป.ช. ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ หลังโดนคดียึดทรัพย์ ศาลฎีกานักการเมืองนัดฟังคำสั่งรับฟ้องหรือไม่ เช้าวันที่ 23 มิ.ย.

ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้ลงมติเลือกผู้พิพากษา 9 คน เป็นองค์คณะพิจารณาคดีหมายเลขดำ ที่ อม.3/2553 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วินิจฉัยกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องคำพิพากษาคดีซื้อขายที่ดินรัชดาภิเษก และคดียึดทรัพย์จำนวน 46,373 ล้านบาทเศษ ตกเป็นของแผ่นดิน ฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของตนเอง หรือคู่สมรส หรือบุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 263 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 มาตรา 119

โดยที่ประชุมลงมติเลือกนายฐานันท์ วรรณโกวิท ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา นายอร่าม เสนามนตรี ประธานแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในศาลฎีกา นายสุทัศน์ ศรีมหาพฤกษ์ ประธานแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกา นายวีระวัฒน์ ปวราจารย์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา นายชินวิทย์ จินดาแต้มแก้ว ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา นายกรองเกียรติ คมสัน ผู้พิพากษาศาลฎีกา นายสมศักดิ์ ตันติภิรมย์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา นายณรงค์พล ทองจีน ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และนายมนูพงศ์ รุจิกัณหะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นองค์คณะพิจารณาคดีดังกล่าว ทั้งนี้ องค์คณะทั้ง 9 คน จะได้ประชุมภายในเพื่อเลือกผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน และนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีหรือไม่ วันที่ 23 มิ.ย. 53 เวลา 10.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับนายฐานันท์ วรรณโกวิท ประธานแผนกคดีอาญาฯ นั้น เคยได้รับเลือกเป็น 1 ใน 5 องค์คณะพิจารณาอุทธรณ์คดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวด้วย ส่วนคดียื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จนั้น สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ก.พ.53 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเสียงข้างมากให้ทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว 5 คน จำนวน 46,373.68 ล้านบาท พร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจากขณะดำรงตำแหน่ง พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจครอบครัว ซึ่งเป็นการทับซ้อนระหว่างประโยชน์ส่วนรวมและส่วนตัว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook