หมอตะลึง! เจอเคสผู้ป่วย "กรุ๊ปเลือดสีทอง" ทั้งโลกมีไม่ถึง 50 คน มีค่ายิ่งกว่ามรดกทองคำ

หมอตะลึง! เจอเคสผู้ป่วย "กรุ๊ปเลือดสีทอง" ทั้งโลกมีไม่ถึง 50 คน มีค่ายิ่งกว่ามรดกทองคำ

หมอตะลึง! เจอเคสผู้ป่วย "กรุ๊ปเลือดสีทอง" ทั้งโลกมีไม่ถึง 50 คน มีค่ายิ่งกว่ามรดกทองคำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 ในปี ค.ศ. 2022 มีกรณีที่หายากเกิดขึ้นในโรงพยาบาลไถโจว มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ผู้ป่วยหญิง 2 ราย ได้รับการวินิจฉัยว่ามีกรุ๊ปเลือด Rh-null ซึ่งมักเรียกกันว่า "เลือดสีทอง" เป็นหนึ่งในกรุ๊ปเลือดที่มีค่าและหายากที่สุดในโลก

โดย “บังเอิญ” ค้นพบกรุ๊ปเลือด Rhnull ในร่างกายของผู้ป่วยหญิงที่เป็นโรคโลหิตจางรุนแรง ระหว่างการเจาะเลือดและทดสอบ ในเวลาต่อมาพี่สาวของผู้ป่วยก็ถูกค้นพบว่ามีกรุ๊ปเลือด Rhnull เข่นเดียวกัน

กรุ๊ปเลือด Rhnull ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1961 ในผู้หญิงชาวอะบอริจิน ประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบันแม่จะรวมหญิงจีน2 รายข้างต้นไปแล้ว ทั่วโลกก็ยังมีคนเลือดกรุ๊ปนี้อยู่น้อยกว่า 50 ราย จึงถูกขนานนามว่า กรุ๊ปเลือดทองคำ (Golden Blood Group) หรือเลือดที่มีค่ามากกว่าทองคำ

ผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด Rhnull สามารถถ่ายโอนเลือดให้ไปยังหมู่เลือดใดก็ได้ในโลก แม้แต่ผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด Rh-line ที่หายากมากก็ตาม เนื่องจากเลือดของพวกเขาไม่มีแอนติเจนใดๆ จึงเรียกได้ว่ากลายเป็นมรดกอันทรงคุณค่าต่อการแพทย์และมนุษยชาติเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด Rhnull ไม่สามารถรับกรุ๊ปเลือดอื่นได้ ยกเว้นกรุ๊ปเลือดเดียวกันเท่านั้น ซึ่งหมายความว่ามีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากการสูญเสียเลือดมากกว่าคนปกติมาก และแทบจะไม่สามารถปลูกถ่ายอวัยวะจากผู้อื่นได้ปฏิกิริยาปฏิเสธการถ่ายเลือดประเภทต่างๆ สามารถฆ่าพวกเขาได้เกือบจะในทันที

ดังนั้น การค้นพบผู้มีกรุ๊ปเลือด Rhnull ในมณฑลเจียงซู ไม่เพียงแต่สร้างความตกใจให้กับวงการแพทย์เท่านั้น แต่ยังสร้างกระแสความสนใจในความคิดเห็นของสาธารณชนอีกด้วย เรื่องราวของสองพี่น้อง “เลือดสีทอง” นี้ เป็นข้อพิสูจน์ถึงความมหัศจรรย์ และความซับซ้อนของร่างกายมนุษย์ จุดประกายการอภิปรายเกี่ยวกับความท้าทายและความเป็นไปได้ในการรักษาพยาบาล สำหรับผู้ที่มีกรุ๊ปเลือดที่หายากเช่นนี้

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ ของ หมอตะลึง! เจอเคสผู้ป่วย "กรุ๊ปเลือดสีทอง" ทั้งโลกมีไม่ถึง 50 คน มีค่ายิ่งกว่ามรดกทองคำ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook