หนุ่มร้องไห้โฮ ให้เงินลุงไปรักษามะเร็ง ได้ "ถุงผัก" กลับมา เปิดดูใจร่วงเห็นของที่ซ่อนไว้

หนุ่มร้องไห้โฮ ให้เงินลุงไปรักษามะเร็ง ได้ "ถุงผัก" กลับมา เปิดดูใจร่วงเห็นของที่ซ่อนไว้

หนุ่มร้องไห้โฮ ให้เงินลุงไปรักษามะเร็ง ได้ "ถุงผัก" กลับมา เปิดดูใจร่วงเห็นของที่ซ่อนไว้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 หนุ่มน้ำตาไหลพราก ให้เงินลุงไปรักษามะเร็ง แต่ได้ผักกลับมาถุงโต เปิดดูข้างในมีจดหมายสั้นๆ อ่านแล้วจุกอก

เรื่องราวของนายเจียง ชายชาวจีนอายุ 35 ปี ที่แชร์เรื่องราวของตนเองลงโลกออนไลน์ โดยเล่าว่าเขาเกิดและเติบโตในครอบครัวที่ยากจน พ่อเสียชีวิตไปในตอนที่ตนเองอายุเพียง 7 ขวบ หลังจากนั้นแม่ก็ต้องคอยเลี้ยงดูมาตามลำพังอยู่นานหลายปี

โชคดีที่ต่อมาได้รับความช่วยเหลือจากป้าและลุง ด้วยเหตุนี้เขาและแม่จึงสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากและมีชีวิตที่มั่นคงได้ กระทั่งปัจจุบันเขาที่อายุ 35 ปี มีหน้าที่การงานและเงินเดือที่มั่นคง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากครอบครัวไม่ได้ทรัพย์สมบัติ  อีกทั้งยังต้องดูแลแม่ที่แก่ชรา และยังไม่มีเงินมากพอที่จะซื้อบ้านหรือรถยนต์ จึงไม่กล้าแต่งงาน

ลุงเข้าใจความกังวลนี้จึงคอยถามหลายครั้ง ถึงกับจะให้ยืมเงินเพื่อซื้อบ้าน อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เขาก็ปฏิเสธอย่างมีชั้นเชิงเพราะครอบครัวของลุงยังต้องดูแลเหล่าลูกชายของตนเอง ลูกสองคนของป้ากับลุงยังเรียนอยู่ อีกคนหนึ่งเพิ่งเรียนจบ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้ตนกลายเป็นภาระเพิ่ม

เวลาผ่านไปเช่นนั้น จนกระทั่งไม่กี่วันก่อนป้าโทรมาบอกข่าวร้าย ช่วงนี้ลุงของสุขภาพไม่ค่อยดี หลังจากไปตรวจที่โรงพยาบาล พบว่าเป็น “มะเร็ง” ทันทีที่ทราบข่าวเช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็นั่งรถเมล์กลับบ้านไปเยี่ยมลุงทันที เมื่อมองดูลุงที่อ่อนแอนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ

แม้แพทย์จะแจ้งว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก การตอบสนองต่อการรักษาโรคก็ไม่ค่อยได้ผลดี แต่เขาก็ยังสนับสนุนให้ลุงพยายามพักผ่อนและรับการรักษาต่อ ด้วยกำลังใจจากญาติๆ ลุงก็รู้สึกสบายใจขึ้นและตกลงเข้ารับการรักษาตามที่คุณหมอสั่ง

แต่หลังจากต่อสู้กับมะเร็งร้ายอยู่สักพักหนึ่ง จู่ๆ ลุงก็ไม่เห็นด้วยที่จะรักษาอีกต่อไปและอยากกลับบ้าน เมื่อทราบข่าวเขาก็รีบโทรไปหาทันที แต่ลุงบอกว่า "ลุงคิดว่าค่ารักษาในโรงพยาบาลแพงเกินไป และไม่ค่อยได้ผลจะดีนัก ลุงรู้ว่าสุขภาพตัวเองเป็นยังไงบ้าง ไม่อยากลองแล้ว เพราะลูกหนี้จะเป็นเมียของลุง"

เมื่อได้ยินคำพูดอย่างนั้นก็เอาแต่น้ำตาจะไหล วันรุ่งขึ้นเขาจึงนำเงินทั้งหมดที่สะสมมาตลอดหลายปี รวมจำนวน 250,000 หยวน (ประมาณ 1.3 ล้านบาท) มอบทั้งหมดให้กับป้าและลุงเพื่อให้รับการรักษาต่อไป พร้อมบอกว่า "ลุงเป็นเหมือนพ่อคนที่สองของผม เอาเงินไปรักษาตัวเถอะครับ ผมจะดูแลลุงด้วยเงินนี้เอง"

เมื่อได้ยินเช่นพูดแบบนั้น ลุงก็พูดติดตลกกับกลับมาว่า "ดูแลมาหลายปี ตอนนี้ก็ถึงเวลาขอความช่วยเหลือแล้วสินะ" หลังจากนั้นเขาก็อยู่คุยกับลุงตลอดบ่าย นึกถึงวันแห่งความสุขสมัยเด็กๆ

กระทั่งช่วงพลบค่ำจึงเตรียมตัวกลับบ้านเพราะแม่เรียกให้กลับไปกินข้าวเย็น ในตอนนั้นเองจู่ๆ ป้าก็เอาถุงผักมากให้ และเขาจำได้ทันทีว่ามันคือผักที่เขาชอบกินมากเมื่อตอนเด็กๆ มักจะขอให้ป้าใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารเสมอ จึงรับมันมาด้วยความรู้สึกขอบคุณและมีความสุข วางแผนจะทำอาหารเพิ่มเติมสำหรับมื้อเย็น

แต่เมื่อกลับถึงบ้านและเปิดถุงผักที่ได้รับมา ทันทีที่เห็นสิ่งที่แอบซ่อนไว้ด้านในก็ต้องประหลาดใจ เพราะมีบัตรธนาคารและจดหมายที่เขียนด้วยลายมืออยู่ข้างใน ซึ่งดูการเขียนที่เป็นระเบียบเรียบร้อยก็รู้ว่านี่คือลายมือของลุง ที่เขียนมาว่า

“ถึงลูกชายที่ดีของฉัน

ตั้งแต่เด็กลุงรู้ว่าหลานเป็นเด็กที่มีเหตุผล ลุงเข้าใจความกตัญญูของหลาน แต่ลุงก็หวังว่าหลานจะเคารพการตัดสินใจของลุงเช่นกัน ลุงส่งเงิน 250,000 หยวนกลับไปให้หลาน มันเป็นจำนวนเงินที่ลุงหลานให้จากใจ แต่ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่ต้องดูแล แม่ของหลานแก่แล้ว และหลานก็ต้องมีชีวิตเป็นของตัวเองด้วย ดังนั้น โปรดเก็บเงินนี้ไว้

สำหรับหลานที่เป็นเหมือนลูกชายแท้ๆ ลุงหวังเสมอว่าสิ่งที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นกับหลาน ลุงแค่อยากขอโทษ ที่คงไม่สามารถไปงานแต่งงานของหลานได้ มีเงินอยู่ 50,000 หยวน (ประมาณ 2.5 แสนบาท) ที่นี่ที่ลุงเตรียมไว้เพื่อเป็นของขวัญในวันแต่งงานของหลาน แต่ลุงเกรงว่าจะไม่มีเวลาถึงตอนนั้น ดังนั้นขอมอบให้หลานรับมันไปก่อน"

ทันทีที่ฉันอ่านจดหมายของจบ เขาก็น้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น รีบโทรกลับหาลุงทันทีและพยายามโน้มน้าวให้เข้ารับการรักษา แต่ลุงบอกว่าเขาได้ตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ นี่ทำให้เขารู้สึกหดหู่อย่างยิ่ง หลังจากที่พ่อเสียชีวิตนี่ถือเป็นวันที่ยากที่สุดสำหรับเขา แม้ว่าจะอยากจะใช้กำลังและเงินทั้งหมดที่มีเพื่อช่วยรักษา แต่ลุงปฏิเสธอย่างแน่วแน่เพราะไม่ต้องการทำให้ใครต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป

ท้ายที่สุดนานเจียงลงท้ายไว้ว่า ตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าควรพยายามโน้มน้าวลุงต่อไป หรือยอมรับฟังการตัดสินใจของเขาดี… ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกมา คำสารภาพทั้งน้ำตาของนายเจียงก็ได้รับความเห็นใจและความสนใจจากชุมชนออนไลน์ชาวจีนเป็นอย่างมาก พากันแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจอย่างล้นหลาม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook