รู้จัก "RFK Jr." โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ ผู้ท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทำความรู้จัก โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ หรือ RFK Jr. ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของสหรัฐฯ ในปี 2024 แบบไม่มีสังกัด
แม้โฟกัสของศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ จะอยู่ที่ตัวแทนจากสองพรรคใหญ่อย่างโจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ปัจจัยสอดแทรกที่น่าจับตามองว่าอาจมีสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมือง อาจเป็นผู้ท้าชิงอิสระจากตระกูลดังที่ถูกมองเป็นไม้ประดับในช่วงแรก
โรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อย่อ RFK Jr. ปัจจุบันอายุ 70 ปี คือผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของสหรัฐฯ ในปี 2024 แบบไม่มีสังกัด เขาเป็นทนายความด้านสิ่งแวดล้อม เป็นบุตรชายของอดีตวุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์กและอัยการสูงสุดสหรัฐฯ และเป็นหลานชายของอดีตประธานาธิบดีผู้ล่วงลับจากการถูกลอบสังหาร จอห์น เอฟ เคนเนดี หรือ JFK
นักวิเคราะห์ประเมินว่า แม้ RFK Jr. ไม่น่าจะเป็นม้ามืดถึงขั้นชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีได้ แต่ว่าการมีอยู่ของทางเลือกที่สาม อาจมีผลต่อการแข่งขันระหว่างพรรครีพับลิกันและเดโมแครต ซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบากเรื่องความนิยมในผลโพลสำรวจความคิดเห็นล่าสุด
คริส แจ็คสัน รองประธานจากบริษัทวิจัยความเห็นทางการเมือง Ipsos กล่าวกับวีโอเอว่า ระดับความนิยมในตัวประธานาธิบดีโจ ไบเดน อยู่ที่ราว 40% ในขณะที่ความนิยมของโดนัลด์ ทรัมป์ คาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 30% กลาง ๆ
อีกด้านหนึ่ง โพลจากสื่อ The Wall Street Journal ที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ พบว่า เคนเนดีได้รับความนิยมมากขึ้นในรัฐที่พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันมีคะแนนสูสี หรือ Swing State อยู่ในระดับ 7-15% ของผู้ทำแบบสอบถามทั้งหมด
โพลดังกล่าวยังบ่งชี้ว่า เคนเนดีดึงคะแนนความนิยมมาจากไบเดนและทรัมป์ แต่เป็นทรัมป์ที่ถูกช่วงชิงความนิยมมากกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม การสำรวจความคิดเห็นที่เคยมีก่อนหน้านี้มีผลตรงกันข้าม
แจ็คสันกล่าวว่า “สิ่งที่ RFK Jr. เป็น คือสถานที่ของคนที่ไม่ชอบทั้งสองคน (ไบเดนและทรัมป์) ไปแสดงออกความไม่พอใจ”
ดรูว์ แมคคอย ประธานองค์กร Decision Desk HQ ที่เก็บรวบรวมข้อมูลการเลือกตั้งในสหรัฐฯ กล่าวว่า ผู้สมัครอิสระที่เคยถูกมองเป็นไม้ประดับในช่วงแรก อาจเป็นตัวแปรที่ส่งผลกระทบถึงผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง แต่คงไม่ถึงขั้นที่จะคว้าชัยชนะแม้ในระดับรัฐ ทั้งนี้ เขาเชื่อว่าหลังจากนี้ ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเคนเนดีจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ศักยภาพของเขา (เคนเนดี) ในการเรียกเสียงโหวต วิธีการแสดงออกของเขาเมื่อเทียบกับผู้สมัครรายอื่น จะเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก” แมคคอยกล่าว
ชีวิต 14 ปีแรกของเคนเนดี จูเนียร์ ต้องเผชิญกับการถูกลอบสังหารของสมาชิกครอบครัวสองคน ได้แก่อดีต ปธน. จอห์น เอฟ เคนเนดี ผู้เป็นลุง ในปี 1963 และโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี ผู้เป็นบิดา ขณะลงแข่งขันชิงตำแหน่งตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในอีก 5 ปีหลังจากนั้น
ชีวิตวัยรุ่นและผู้ใหญ่ในช่วงแรกของ RFK Jr. พัวพันอยู่กับปัญหาการใช้ยาเสพติด แต่ก็สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์แห่งลอนดอน (LSE) และคณะนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย
หลังจากนั้น เคนเนดีทำงานเป็นผู้ช่วยอัยการเขตแมนฮัตตันเป็นระยะสั้น ๆ ก่อนลาออกในปี 1983 หลังสอบไม่ผ่านเนติบัณฑิตยสภา (Bar exam) และถูกจับกุมในข้อหาครอบครองเฮโรอีนในปีเดียวกัน
หลายปีต่อมา เคนเนดีเริ่มประสบความสำเร็จในฐานะนักกิจกรรมด้านกฎหมายและสิ่งแวดล้อม แต่ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในเวลาต่อมา ในฐานะผู้มีจุดยืนต่อต้านการฉีดวัคซีนต่าง ๆ รวมทั้งวัคซีนป้องกันโควิด-19
ไคล์ คอนดิค บรรณาธิการจากแมกาซีนการเมือง Sabato’s Crystal Ball ของศูนย์การเมืองแห่งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย กล่าวว่า เคนเนดียังไม่มีภาพที่ชัดเจนพอในแง่ปูมหลังและจุดยืนในประเด็นต่าง ๆ และจากสถิติที่ผ่านมา แคนดิเดทเบอร์สามมักไม่ได้รับเสียงโหวตมากเท่าที่คาดในการเลือกตั้ง เพราะฐานเสียงจะค่อย ๆ หันเหไปหาตัวผู้แทนที่คาดว่าจะชนะได้จริง ๆ
“ในทางพื้นฐาน เขา (เคนเนดี) เป็นคนที่มีนามสกุลดังที่อยู่ในการเลือกตั้งที่คนจำนวนมากไม่ชอบตัวแทนจากสองพรรคใหญ่” คอนดิคกล่าว