โพลชี้ "ยุบก้าวไกล" ทำให้พายุการเมืองระอุ นำสู่ความขัดแย้งบานปลาย
SUPERโพลชี้ชัดพายุการเมืองระอุ นำสู่ขัดแย้งบานปลายหากยุบพรรคก้าวไกล แนะ”เศรษฐา-ทักษิณ-อุ๊งอิ๊ง”ตัดไฟตั้งแต้ต้นลม
สำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชน ทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,178 ตัวอย่าง เรื่อง พายุการเมืองระอุ กับ วิกฤตศรัทธา โดยดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1 – 6 เมษายน พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.0 มองว่า บรรยากาศการเมืองจะร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรง ในขณะที่ร้อยละ 23.0 ระบุไม่เลย และเมื่อแบ่งออกตามเพศ พบว่า ชายส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.3 มองว่าบรรยากาศการเมืองจะร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรงมากกว่า หญิงที่มีอยู่ร้อยละ 74.8
ทั้งนี้ เมื่อแบ่งออกตามช่วงอายุ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.3 เป็นกลุ่มคนอายุระหว่าง 20 – 29 ปี ที่มองว่าบรรยากาศการเมืองจะร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรองลงมา ร้อยละ 88.1 กลุ่มคนอายุระหว่าง 30 – 39 ปี ร้อยละ 68.3 กลุ่มคนอายุระหว่าง 40 – 49 ปี ร้อยละ 74.2 กลุ่มคนอายุ 50 – 59 ปี และร้อยละ 54.2 เป็นกลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไป
และเมื่อถามถึงเหตุปัจจัยที่ทำการเมืองร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรง ใน 5 อันดับแรก พบว่า ร้อยละ 84.8 ระบุ วิกฤตศรัทธาต่อ ผู้นำการเมือง ร้อยละ 83.7 กระบวนการยุติธรรม ล่มสลาย ร้อยละ 66.3 ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ร้อยละ 50.6 ความเสื่อมศรัทธาต่อ องค์กรอิสระ และร้อย ร้อยละ 48.9 การยุบพรรคก้าวไกล ตามลำดับ
รายงานของ ซูเปอร์โพล ยังระบุด้วยว่า หากเปรียบเทียบข้อมูลผลโพลนี้ กับ อุณหภูมิร้อนทางการเมืองย้อนกลับไปประมาณปลายปีที่ผ่านมาจะพบว่า บรรยากาศการเมืองร้อนระอุขึ้นมากสอดคล้องกับการรับรู้และความรู้สึกของประชาชนได้ที่น่าเป็นห่วงคือบรรยากาศร้อนระอุทางการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย และในห้วงเวลาที่เหลืออยู่ ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้นำทางการเมืองทั้งหลาย เช่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และกระบวนการยุติธรรมเป็นที่พึ่งของประชาชนและรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้จริง
โดยทำให้คนทั้งประเทศเห็นว่าทำงานอย่างหนักเกิดผลงานจับต้องได้ มีการลงพื้นที่เกาะติดพี่น้องประชาชนต่อเนื่องและลงซ้ำเพื่อติดตามผลคืบหน้าแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชนและชุมชนในระดับพื้นที่ได้จริง เช่น อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร อาจจะกลับไปกางเต็นท์ที่ อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อดูว่าอดีตวันนั้นกับอาจสามารถโมเดลแก้จน กับ วันนี้ในปัจจุบันแตกต่างไปอย่างไรบ้าง การลงพื้นที่อำเภออาจสามารถ ร้อยเอ็ด ในอดีตทำให้เกิดการพัฒนาดีขึ้นหรือไม่ อย่างไร หากทุกฝ่ายช่วยกัน ผลที่ตามมาคือ บรรยากาศการเมืองที่จะร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายก็จะลดระดับลงทำให้การขับเคลื่อนประเทศชาติและประชาชนทั้งประเทศเดินหน้าก้าวข้ามความขัดแย้งและผ่านพ้นวิกฤตศรัทธาต่อผู้นำการเมืองและอื่น ๆ ไปได้