เชลซีผงาดแชมป์!!เฉือนพอร์ทสมัธ 1-0
"สิงห์บลูส์" เชลซี คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ตามคาด หลังเฉือนเอาชนะ "ปอมปีย์" พอร์ทสมัธ ไปแบบสุดมันส์ 1-0 ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ซัดประตูชัยสุดสวย พาทีมผงาดซิวดับเบิ้ลแชมป์ ในซีซั่นนี้
ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ
เชลซี 1-0 พอร์ทสมัธ
"สิงห์บลูส์" เชลซี ลงสนามชิงดำกับ "ปอมปีย์" พอร์ทสมัธ เกมนี้ คาร์โล อันเชล็อตติ จัดนักเตะชุดใหญ่ลงสนามได้ทั้งหมด เกมรุกนำทัพ โดย ฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฟลอร็องต์ มาลูด้า คู่หน้าใช้ นิโกล่าส์ อเนลก้า ยืนคู่ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ด้าน อัฟราม แกรนท์ กุนซือ ปอมปีย์ ก็ขนนักเตะชุดที่ดีที่สุดลงเล่นทิ้งทวน เกมรุกจัด อารูน่า ดินดาน คู่กับ เฟเดริก ปิกิยอน
เริ่มครึ่งแรก เพียงแค่ 4 นาที เชลซี ได้ลุ้นก่อนเลย เมื่อ อเนลก้า หลุดเข้ามาตรงกลางประตู จะง้างยิงแต่ติดกองหลัง บอลกระดอนมาเข้าทางของ แลมพาร์ด ยิงสวนบอลพุ่งเฉี่ยวเสานิดเดียว
นาทีที่ 14 เชลซี น่าจะขึ้นนำ เมื่อ แลมพาร์ด ได้จังหวะสับไกนอกเขตโทษ บอลพุ่งไปกระทบสามเหลี่ยมบนขวา ออกหลังอย่างน่าเสียดาย
ถัดมานาทีเดียว เชลซี มาได้ลุ้นอีกแล้ว คราวนี้เป็น อเนลก้า กดเรียดยัดเสาแรก เจมส์ พุ่งปัดออกหลังไปอย่างหวุดหวิด
นาทีที่ 20 เชลซี ยังบุกกระหน่ำ และน่าจะขึ้นนำ เมื่อต่อบอลกันอย่างสวยกันตั้งแต่กลางสนาม ก่อนลูกจะมาถึง ดร็อกบา ยิงจังหวะแรกติด โมโคเอน่า บอลกระเด้งมาเข้าทางอีกจึงยิงยัดดาบที่สอง ทว่ายังไปติด โมโคเอน่า ที่พุ่งมาขวางได้ทันเวลา
นาทีถัดมา พอร์ทสมัธ บุกขึ้นมาครั้งแรก และน่าจะขึ้นนำอย่างที่สุด เมื่อ ดินดาน หลุดมาทางขวาเปิดบอลให้ บัวเต็ง วอลเล่ย์จากทางด้านซ้าย ลูกพุ่งมาโดนหน้าแข้ง ปิกิยอน ที่ยืนอยู่หน้าประตู บอลเปลี่ยนทางจะเข้าอยู่แล้ว แต่ เช็ก ยังไวทายาดปัดออกมาได้ แบบไม่น่าเชื่อ
นาทีที่ 26 เชลซี ชวดขึ้นนำอย่างเหลื่อเชื่อ เมื่อ แอชลี่ย์ โคล ลากบอลทะลุขึ้นมาสุดเส้นทางซ้าย ก่อนตบเข้ากลางมาให้ กาลู ที่ยืนคนเดียวโล่งๆ แปบอลจากระยะ 6 หลา ลูกพุ่งไปชนคานกระเด้งออกมา
เชลซี ยังบุกต่อเนื่อง นาทีที่ 29 จากลูกฟรีคิกทางขวา มาลูด้า เปิดบอลโค้งไปหน้าประตู และเป็น เทอร์รี่ ที่ขึ้นโขก บอลพุ่งไปชนคานกระเด้งออกมาอีกแล้ว
นาทีที่ 38 พอร์ทสมัธ รอดพ้นจากการเสียประตูอีกครั้งแล้ว เมื่อ ดร็อกบา หวดฟรีคิกบอลนอกกรอบเต็มแรง บอลพุ่งจะเข้าอยู่แล้ว ทว่า เจมส์ พุ่งปัดปลายนิ้ว ลูกไปชนคานล่างตกลงบนเส้นประตู กระเด้งออกมาแบบเหลือเชื่อ
นาทีที่ 41 เชลซี ไม่ได้ประตูอีกแล้ว เมื่อ อเนลก้า เปิดขึ้นมากองหลังพอร์ทสมัธโหม่งวืด บอลตกมาเข้าเท้า ดร็อกบา ยิงจ่อๆหน้าประตู บอลลอดแขน เจมา ไปแล้ว แต่ลูกก็ไปชนเสาอีกครั้ง
นาทีสุดท้ายครึ่งแรก เชลซี พลาดขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อ อิวาโนวิช ทำชิ่งหนึ่งสองหลุดเข้ามาในกรอบโดน โมโคเอน่า โหม่งสกัด บอลมาถึง กาลู จักรยานอากาศ ไม่เต็มเท้า หลุดกรอบออกไปอีก
จบครึ่งแรก เชลซี ยังเสมอ พอร์ทสมัธ 0-0 แบบสุดเหลือเชื่อ
เริ่มครึ่งหลัง พอร์ทสมัธ มาได้ลุ้นก่อน เมื่อได้ฟรีคิกทางขวา โอฮาร่า เปิดมาให้ บัวเต็ง ที่ยืนอยู่ทางซ้ายไม่มีคนประกบ หวดใบไม้ร่วงข้ามคานออกหลังไป
นาทีที่ 55 พอร์ทสมัธ ชวดได้ประตูขึ้นนำ แบบไม่น่าเชื่อ เมื่อมาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ ดินดาน ลากบอลหลุดเข้าเขตโทษ และโดน เบลเลตติ เข้าบอลช้าไปเสียเขาที่ขาล้มลง กรรมาเป่าจุดโทษทันที ทว่า เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง ที่รับอาสายิง ซัดไปกลางประตู เช็ก พุ่งล้มไปแล้ว ทว่ายังใช้ขาเซฟบอลออกมาได้
นาทีที่ 59 กลับเป็น เชลซี ที่มาได้ประตูขึ้นนำ เมื่อมาได้ฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลาทางซ้าย ดร็อกบา แปบอลโค้งอ้อมผ่านกำแพง ลูกพุ่งชนเสาในเข้าไปตุงตาข่าย แบบสุดเหนือชั้น สกอรฺเปลี่ยนเป็น สิงห์บลูส์ ขึ้นนำ 1-0
เชลซี ยังได้บุกต่เนื่อง นาทีที่ 62 เกือบได้ประตูนำห่าง เมื่อ กาลู ลากบอลเข้ากลาง ก่อนจ่ายออกขวาให้ อิวาโนวิช แล้วตบกลับคืนมาให้ กาลู พุ่งเข้ามาแปบอลเฉี่ยวเสาออกหลังไปนิดเดียวเท่านั้น
นาทีที่ 71 เชลซี น่าจะนำห่างอีก เมื่อ ดร็อกบา ฉกบอลมาจากผู้เล่นปอมปีย์ ก่อนยิงไปติดมือ เจมส์ บอลมาเข้าเท้า ดร็อกบา อีกครั้ง ก่อนไหลต่อให้ โจ โคล ที่ลงมาเป็นสำรอง ยิงติดกองหลัง บอลมาเข้าทาง แลมพาร์ด ก็ยิงหลุดกรอบออกไปอีกครั้ง
นาทีที่ 81 ปอมปีย์ มีลุ้นตีเสมอเมื่อ เบลฮาดจ์ ได้บอลด้านซ้าย ตบบอลมาหน้าประตู อเล็กซ์ สกัดบอลวืดลูกหลุดมาโดนหน้าแข้ง เทอร์รี่ กระเด้งออกหลังไป ก่อนที่ ดินดาน จะพุ่งชาร์จนิดเดียวเท่านั้น
นาทีที่ 88 เชลซี ชวดได้ประตูนำห่างเหลื่อเชื่อ เมื่อมาได้จุดโทษ จากจังหวะที่ บราวน์ ไปเสียบสกัด แลมพาร์ด ล้มในเขตโทษ กรรมการชี้จุดโทษทันที ทว่า แลมพาร์ด ที่ลุกขึ้นมาสังหารเอง กลับยิงหลุดกรอบออกไป
ช่วงท้ายเกม พอร์ทสมัธ พยายามบุกอย่างหนัก หวังตีเสมอให้ได้ ทว่าเจาะแนวรับอันแข็งแกร่งของ เชลซี ไม่เข้า
หมดเวลาการแข่งขัน เชลซี เฉือนเอาชนะ พอร์ทสมัธ 1-0 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ตามคาด และยังเป็นการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ในฤดูกาลนี้ อย่างยิ่งใหญ่
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, อเล็กซ์, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - ซาโลมง กาลู, มิชาเอล บัลลัค, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ฟลอร็องต์ มาลูด้า - นิโกล่าส์ อเนลก้า, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา
พอร์ทสมัธ : เดวิด เจมส์ - สตีฟ ฟินแนน, ริคาร์โด้ โรช่า, เฮย์เดน มัลลินส์, - เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง, ไมเคิ่ล บราวน์, ปาป้า บูบ้า ดิย็อป, เจมี่ โอฮาร่า - อารูน่า ดินดาน, เฟเดริก ปิกิยอน
(ภาพจาก Getty Images)