ลูกค้าจ่ายเงินแล้วลืมหยิบของไป กลับมาขอเงินคืนแต่แม่ค้าไม่ให้ ด่ากันลั่นตลาด

ลูกค้าจ่ายเงินแล้วลืมหยิบของไป กลับมาขอเงินคืนแต่แม่ค้าไม่ให้ ด่ากันลั่นตลาด

ลูกค้าจ่ายเงินแล้วลืมหยิบของไป กลับมาขอเงินคืนแต่แม่ค้าไม่ให้ ด่ากันลั่นตลาด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ลูกค้ามาซื้อธูปจัดงานศพ จ่ายเงินแล้วลืมหยิบของไปจากร้าน เสร็จงานศพมาขอเงินคืน แต่แม่ค้าไม่ให้ ด่ากันลั่นตลาด

เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.วันที่ 15 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา เกิดเหตุทะเลาะวิวาทที่ตลาดสดแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครราชสีมา ชาวบ้านรายหนึ่ง (ไม่ขอเปิดเผยชื่อ) กำลังมาจับจ่ายสินค้าในตลาดดังกล่าว แล้วผ่านไปเห็นเหตุการณ์ จึงถ่ายบันทึกภาพเอาไว้ ซึ่งเป็นภาพลูกค้า 2 ราย กับแม่ค้าร้านขายธูปเทียน-เครื่องสังฆภัณฑ์ร้านหนึ่ง กำลังโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อน

ข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า ลูกค้ามีญาติเสียชีวิต มาซื้อธูปเทียนและอะไรอีกหลายอย่างที่ร้านดังกล่าว ซื้อเสร็จก็จ่ายเงินแล้วกลับบ้านไปต่างอำเภอ แต่พอไปถึงบ้านงานศพจะนำข้าวของที่ซื้อมาใช้ประกอบพิธีแต่หาไม่เจอ จึงรู้ว่าธูปขนาดใหญ่ที่ซื้อจากทางร้านและจ่ายเงินไปแล้ว ไม่ได้ถือกลับมาด้วย

จนเมื่อเสร็จสิ้นงานศพ ลูกค้าคนดังกล่าวมีโอกาสเดินทางเข้ามาในตัวเมือง จึงแวะมาที่ร้านและมาขอเงินคืน เพราะไม่ได้นำสินค้าธูปขนาดใหญ่ที่จ่ายเงินไว้แล้วกลับไปด้วย แต่เจ้าของร้านกลับไม่ยอมคืนเงินให้ โดยอ้างว่า ลูกค้าอยากลืมเอาไว้เอง ทำไมไม่กลับมาเอาตั้งแต่วันนั้น ผ่านมาหลายวันแล้วจึงไม่คืนเงินให้

ส่วนลูกค้าก็บอก อยู่ต่างอำเภอจะเดินทางกลับมาก็ลำบาก งานศพญาติก็ต้องจัด เวลาไม่มีกลับมาเอาสินค้า แต่พูดอย่างไรแม่ค้าก็ไม่ยอมคืนเงินให้ จนเกิดวิวาทะโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนลั่นตลาด

ซึ่งเรื่องนี้ ผู้ถ่ายคลิปไม่รู้ว่าใครผิดหรือถูก แต่มองว่า น่าจะมีแนวทางช่วยเหลือแก้ปัญหาให้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายรายนี้บ้าง เพราะไหนจะเพิ่งเสียญาติ ใจคอไม่ดีอยู่แล้ว มาหาซื้อของหลายอย่างไปประกอบพิธีศพ ก็ต้องมีหลงลืมกันบ้าง อีกทั้งมองว่า สินค้าธูปขนาดใหญ่ดังกล่าว ราคาไม่กี่บาท และธูปก็อยู่ที่ร้าน แม่ค้าเก็บไว้ขายให้ลูกค้ารายอื่นก็ยังได้ เพราะไม่ได้แกะห่อเสียหายอะไร เมื่อลูกค้ารายเก่าซื้อสินค้าแล้ว แต่ไม่ได้รับของไป เมื่อมาขอทวงสินค้าคืน หรือขอเงินคืน แม่ค้าก็ควรจะให้ ทำไมต้องด่าประจานกันได้ขนาดนี้

จึงฝากถามไปยังกูรูผู้รู้ทั้งหลาย ว่า จะมีข้อกฎหมายใดที่จะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายได้บ้าง จะได้เป็นกรณีศึกษา เพราะเชื่อว่า มีหลายคนที่เคยประสบเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook