ช็อก! หญิงเจอ "กระเพาะปัสสาวะ 2 อัน" หลังป่วยเป็นไข้สูง-เจ็บคอ

ช็อก! หญิงเจอ "กระเพาะปัสสาวะ 2 อัน" หลังป่วยเป็นไข้สูง-เจ็บคอ

ช็อก! หญิงเจอ "กระเพาะปัสสาวะ 2 อัน" หลังป่วยเป็นไข้สูง-เจ็บคอ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หญิงไปหาหมอเพราะมีไข้สูง-เจ็บคอ ผลตรวจซีทีสแกนช่องท้อง พบมีโรคคล้าย "ระเบิด" ที่กระเพาะปัสสาวะ

ผู้ป่วยหญิงวัย 74 ปี เข้ารักษาตัวที่แผนกโรคเขตร้อน รพ.อี ในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม โดยมีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนเฉียบพลัน เช่น มีไข้สูง ไอเสมหะ เจ็บคอ แพทย์สั่งตรวจอัลตราซาวนด์ ซีทีสแกน พบว่าผู้ป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบ และเป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ มีกระเพาะปัสสาวะถึง 2 อัน

เมื่อซักประวัติแพทย์ทราบว่า ผู้ป่วยมีอาการผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะมานานหลายปี เช่น ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน (3-4 ครั้ง) ปัสสาวะบ่อยในระหว่างวัน คนไข้คิดว่าเขาเป็นโรคปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน (Nocturia) ซึ่งพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ จึงไม่ได้เข้าพบแพทย์

อย่างไรก็ดี หลังจากได้รับผลซีทีสแกนในช่องท้อง ผู้ป่วยต้องตกใจเมื่อพบว่าตนเองมีกระเพาะปัสสาวะ 2 อัน เป็นกระเพาะปัสสาวะ "จริง" 1 อันและกระเพาะปัสสาวะ "ปลอม" 1 อัน หรือที่เรียกว่า bladder Diverticula ซึ่งเป็นถุงน้ำที่ออกมาทางผนังกระเพาะปัสสาวะ แม้จะเป็นโรคที่พบไม่บ่อย แต่ก็ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายอย่างมาก ปัสสาวะผิดปกติ และยังมีความเสี่ยงสูงที่จะนำไปสู่โรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย รวมถึงมะเร็งด้วย

โดย Dr.Nguyen The Thinh อธิบายว่า เป็นภาวะที่โป่งพองผิดปกติ ถุงนี้เกิดขึ้นจากหมอนรองของเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะผ่านชั้นกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะ ภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่บนกระเพาะปัสสาวะ แต่จะพบบ่อยที่สุดที่ด้านหลัง ในระยะแรกมักไม่มีอาการเฉพาะเจาะจง แต่เมื่อปริมาตรเพิ่มขึ้นผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการ ซึ่งมักเกิดจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้แก่ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นิ่วในผนังลำไส้ ภาวะน้ำเกินในท่อไต และที่อันตรายที่สุดคือมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

สามารถเกิดขึ้นมาแต่กำเนิด หรือเกิดขึ้นในภายหลังก็ได้ สาเหตุแต่กำเนิดมักเกิดจากความบกพร่องในการก่อตัวของกระเพาะปัสสาวะของทารกในครรภ์ ส่วนสาเหตุที่พบบ่อยในผู้ใหญ่ เนื่องจากการอุดตันทางเดินปัสสาวะ (นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโตมากเกินไป เส้นโลหิตตีบที่คอกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะตีบ) โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบจากระบบประสาท หรือการบาดเจ็บที่กระเพาะปัสสาวะ

โรค bladder Diverticula ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักค้นพบโดยบังเอิญหรือผ่านการตรวจ เนื่องจากมีอาการที่ไม่เฉพาะเจาะจงของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น การปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะเป็นเลือด หรือการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อย่างไรก็ดี การวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่นๆ และการรักษาอย่างทันท่วงที มีความสำคัญมากในการลดผลกระทบที่เกิดจากโรค และป้องกันความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายของโรค

ทั้งนี้ เนื่องจากอาการของโรคมีความหลากหลายมาก เป็นเหมือนระเบิดที่สามารถระเบิดได้ตลอดเวลา และก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายมากมาย ดังนั้นในกรณีนี้ แพทย์จึงเลือกทำการผ่าตัดผ่านกล้อง เพื่อกู้คืนกระเพาะปัสสาวะที่แข็งแรงให้กับคนไข้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook