"บิ๊กโจ๊ก" ร้อง ป.ป.ช. สอบนายกฯ เศรษฐา ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตั้ง "บิ๊กต่อ" นั่ง ผบ.ตร.

"บิ๊กโจ๊ก" ร้อง ป.ป.ช. สอบนายกฯ เศรษฐา ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตั้ง "บิ๊กต่อ" นั่ง ผบ.ตร.

"บิ๊กโจ๊ก" ร้อง ป.ป.ช. สอบนายกฯ เศรษฐา ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตั้ง "บิ๊กต่อ" นั่ง ผบ.ตร.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ป.ป.ช. สอบนายกฯ "เศรษฐา" ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตั้ง “บิ๊กต่อ” เป็น ผบ.ตร. เชื่อเป็นการรุมกินโต๊ะ

วันนี้ (22 เม.ย.67) พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมายัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช ร้องทุกข์ขอให้ประธาน ป.ป.ช. ตรวจสอบว่านายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบจากการแต่งตั้งพลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะที่ตนเป็นผู้มีส่วนได้เสีย และการออกคำสั่งส่งตัวตนกลับ สตช. ก่อนที่รักษาการ ผบ.ตร.จะมีคำสั่งให้ตนออกจากราชการไว้ก่อน รวมถึงให้ขอให้ ตรวจสอบว่าการสอบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนชุดที่ทำคดีเว็บพนันออนไลน์มีอำนาจหน้าที่โดยชอบหรือไม่ แล้วขอให้ตรวจสอบว่าหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนและ พนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ออกมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของตัวเอง หลังจากถูกดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมมา 6 เดือน จนถึงขั้นให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงต้องออกมาใช้สิทธิ์ในการต่อสู้อย่างถูกต้อง ซึ่งยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้กังวล เพราะเชื่อมั่นว่าอย่างไรตนก็จะได้กลับมา

พร้อมกันนี้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ยังกล่าวว่าสิ่งสำคัญ คือ ต้องรู้ว่าอำนาจการสอบสวนเป็นของใครหากสอบสวนโดยไม่มีอำนาจจะต้องติดคุก ซึ่งคดีนี้เริ่มต้นจากการดำเนินคดี กับลูกน้องของตน 8 คน ซึ่งป.ป.ช. ได้เรียกสำนวนดังกล่าว พร้อมสำนวนคดีของตน กับพวกรวม 5 คน กลับไปทำเองเนื่องจากอยู่ในอำนาจหน้าที่ ซึ่งถือเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง ส่วนตำรวจเป็นเสมือนพวกกล่าวหามีหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งให้ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน ดังนั้นในคดีของมินนี่ ไม่ว่าจะมีกี่เว็บพนัน แต่เมื่อผู้ต้องหาเป็นคนเดียวกัน เส้นอันเดียวกันคือเชื่อมโยงไปยัง พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ ถือเป็นคดีเดียวกันจะแยกสำนวนไม่ได้

แต่ป.ป.ช.เห็นว่า จะเกิดความเสียหาย จึงมีมติเลือกสำนวนกลับในวันที่ 2 ธันวาคม 2566 แต่ในวันรุ่งขึ้น ของวันที่ 3 ธันวาคม สน. เตาปูนได้แยกสำนวนคดีและกล่าวหาว่าตนเชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์ ฐานความผิดฟอกเงิน เพราะไม่ต้องการส่งคดีให้ป.ป.ช. เก็บคดีไว้ 4 เดือน ออกหมายเรียก และหมายจับ

ซึ่งตอนนี้อยู่ในกระบวนการสอบเพิ่มเติมของอัยการมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้หวังผลทางคดีหวังแค่ไม่ต้องการให้ตนเป็นผบ.ตร. เท่านั้น ตนจึงทำหนังสือโต้แย้งว่าคดีอยู่ในอำนาจของป.ป.ช. ขอให้พนักงานสอบสวนให้ความเป็นธรรมส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. ไม่ใช่เพราะตนรู้จักใคร แต่เพื่อเป็นการสอบสวนโดยธรรมโดยชอบ

ทั้งนี้พลตำรวจเอกเชษฐ์ กล่าวถึงเรื่องการยื่นคัดค้าน นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช. เอกสารปรากฏอยู่ในโลกโซเชียลอยู่แล้ว ซึ่งตนขออนุญาตไม่พูดในเรื่องนี้แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนปล่อย เอกสารดังกล่าว ซึ่งตนขอยืนยันกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้นใครมาทางไหนก็ไปทั้งนั้น ตนไม่ได้ว่าใคร วันนี้เพียงแค่มาหาความยุติธรรมเท่านั้น เมื่อองค์กรให้คนที่ทำกับตนไม่ได้จึงต้องมาหาความยุติธรรมนอกองค์กร ตนรู้ดีว่าสื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร “โชคดีที่ตนเป็นคนใต้ เป็นนักสู้เต็มตัวถ้าเป็นคนอื่นก็คงบอกไปแล้วแต่ตนไม่ใช่” ทั้งนี้ขอไม่ตอบว่าได้มีการปรึกษากับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือไม่ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า เดี๋ยวบานปลาย ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว

เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถกลับมารับราชการอีกครั้ง พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวว่า จะกลับไม่กลับอยู่ที่มีอำนาจที่ต้องพิจารณาว่าคำสั่งออกถูกต้องหรือไม่ วันนี้ตนต่อสู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ เพราะหากคนไม่สู้ก็คงเสียสิทธิ์ไปตลอดชีวิต ถ้าผิดจริงตนก็ยอมคงไม่สู้ แต่นี่เป็นการสอบสวนโดยไม่เป็นธรรม

พร้อมยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการแฉเรื่องต่างๆ ก่อนหน้านี้ใครจะแฉก็แฉไป แต่ตนมาสู้ตามสิทธิ์ของตน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วตนได้ไปยื่นขอความเป็นธรรมกับคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจเพิกถอนคำสั่งให้ตนออกจากราชการ เนื่องจากเป็นคำสั่งมิชอบ ซึ้งตอนนี้มี พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่แล้ว นายกฯ ต้องใช้อำนาจตามกฎหมาย ไม่ใช้ข้ามขั้นตอน อีกทั้งการออกคำสั่งให้ตนไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีก็ไม่ชอบ ตนได้ยื่นขอความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่าสิ่งที่กำลังเจออยู่นี้เป็นการรุมกินโต๊ะหรือไม่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวว่า สื่อยังเห็นเลยว่าเป็นการรุมกินโต๊ะเป็นเพราะความตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมืองของตน ซึ่งผู้บังคับบัญชาต้องให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่ไปเอากับเขาด้วย ซึ่งตนจะดำเนินการกับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนจะมีคนต้องติดคุกหรือไม่ขอให้รอติดตาม ซึ่งหลังจากนี้ก็จะออกมาเปิดเผยเรื่องการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในอีก 2-3 วัน ก่อนทิ้งท้ายว่าตอนนี้ยังไม่คิดลงเล่นการเมือง หากไม่สามารถกลับมารับราชการได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook