หมอพรทิพย์ แถลงพบระเบิด อาวุธซุกวัดปทุม

หมอพรทิพย์ แถลงพบระเบิด อาวุธซุกวัดปทุม

หมอพรทิพย์ แถลงพบระเบิด อาวุธซุกวัดปทุม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศอฉ.แถลง หลังเข้าเครียร์พื้นที่ สวนลุม พบลูกระเบิด M79 จำนวนมาก พร้อมจับกลุ่มโจรกรรมสิ่งของอีก 9 คน ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ เผยผลชันสูตร 6 ศพวัดปทุม พบเป็น จนท.กาชาด

พ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ปทุมธานี แถลงผล การจับกุม นายสมยศ แซ่เฮ็ง นายจรูญ บุญเรือง และนายวิชัย ดีเจริญ พร้อมของกลาง เป็นวัตถุระเบิด 19 ลูก หน้าไม้ มีดพร้า ผ้าพันคอสีแดง และของกลางอื่นๆ จำนวน 17 รายการ ที่ซุกซ่อนอยู่ในรถแท็กซี่ สีส้ม ป้ายทะเบียน ทย 991 กรุงเทพฯ ที่ นายสมยศ ขับเพื่อหลบหนีด่านตำรวจ ที่ตั้งสกัดกลุ่มคนเสื้อแดงที่ก่อความวุ่นวายบนถนนรัตนาธิเบศร์ ขาเข้าพื้นที่สถานีตำรวจภูธรบางใหญ่ ทางตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา กับบุคคลดังกล่าว 3 ข้อหา คือ ออกนอกเคหะสถานในระยะเวลาที่กำหนด ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ร่วมกันใช้รถ จยย. หรือ ยานพาหนะใดๆ กระทำการอันก่อให้เกิดความไม่สงบ ตามประกาศ ศอฉ. และร่วมกันกระทำการซื้อขาย จำหน่าย ด้วยประการใดๆ ซึ่งวัตถุระเบิด โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ตามข้อกล่าวหาที่ 1 แต่ข้อกล่าวหาที่ 2 และ 3 ให้การปฏิเสธ

นอกจากนี้ ตำรวจสถานีตำรวจภูธรสำโรงเหนือ ยังได้จับกุม กลุ่มวัยรุ่นที่ปาระเบิดเพลิงเข้าสู่ธนาคารกรุงเทพ ซึ่งขณะนี้ ทั้ง 2 กรณีกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดี

ขณะที่ พ.ต.อ.ทรงพล วัธนะชัย รองผู้บังคับการอำนวยการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (อก.บช.น.) แถลงผลการปฏิบัติการภายหลังเข้ากระชับวงล้อมของเจ้าหน้าที่บริเวณสวนลุมพีนีว่า จากการเข้าเคลียร์พื้นที่และตรวจค้น พบลูกระเบิด M 79 จำนวน 8 นัดกระสุนปืน HK 2 นัด และเครื่องกระสุนปืน M16 จำนวน 250 เครื่อง โดยได้ส่งของกลางดังกล่าวให้กับสถานีตำรวจนครบาลลุมพีนีแล้ว นอกจากนี้ยังได้จับกุมผู้ต้องหาร่วมกันลักทรัพย์บริเวณโดยรอบพื้นที่การชุมนุมจำนวน 9 คน พร้อมของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นดีวีดี และอุปกรณ์อื่น ๆ อีกหลายชนิด อย่างไรก็ตามสำหรับประชาชนที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของทรัพย์สินดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน

ด้านพ.ญ. คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้รายงานผลการชันสูตรศพ ทั้ง 6 ศพ ภายในวัดปทุมวนารามซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสภากาชาดไทย ที่ปฏิบัติงานอยู่บริเวณดังกล่าวและบางส่วนเป็นผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้จากการชันสูตรเบื้องต้นพบว่าเสียชีวิตจากการกราดยิงของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย นอกจากนี้ยังพบของกลางเป็นอาวุธ และระเบิดจำนวนมาก

ทั้งนี้ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. มีคำสั่งเพิ่มบุคคล หรือ นิติบุคคลห้ามกระทำการใดๆ เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน เท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชนอีก 22 ราย โดยนิติบุคคล ได้แก่ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ส่วนบุคคลธรรมดา อาทิ นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายประยุทธ มหากิจศิริ นายพงศกร อรรณนพพรนายพงศ์ศักดิ์ พาณิชย์พงศ์ นายไพวงษ์ เตชะณรงค์ พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคํา และนายเมธี อมรวุฒิกุล 

ขณะที่ทหารสนธิกำลัง เข้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจสอบพื้นที่แยกราชประสงค์ ที่เป็นพื้นที่การชุมนุม ของกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งอาคารโดยรอบ พร้อมกับนำรถสายพานลำเลียง เข้าในพื้นที่ดังกล่าว ตลอดทั้งวัน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบระเบิดเพลิง ระเบิดปิงปอง และถังเคมี 4 แกลลอน ที่มีป้ายติดว่า ให้นำส่งการ์ดกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ แยกสามเหลี่ยมดินแดง พร้อมทั้งเบอร์โทรศัพท์เพื่อใช้ทำระเบิดเพลิง โดยทั้งหมดอยู่ด้านหลังของเวที รวมทั้งเข้าตรวจสอบอาคาร 

เกษรพลาซ่า ที่พบว่า มีการพยายามจะเผาภายในอาคาร เมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน หน่วยเก็บกู้ และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ EOD ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่ภายใน วัดปทุมวนารามราชวรมหาวิหาร ที่พบอาวุธปืน M16 จำนวน 1 กระบอก ระเบิดปิงปอง บั้งไฟ หนังสติ๊ก และมีดพร้า

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ส่งกลับภูมิลำเนานั้น มีการจับกุมผู้ที่ลักทรัพย์ ภายในห้างสรรพสินค้า ที่ส่วนใหญ่ เป็นกระเป๋ามีราคาตั้งแต่ 900-8,000 บาท รวมถึง นาฬิกา และ แว่นตาด้วย

ด้าน ความเคลื่อนไหว บริเวณ ถ.พระราม 4 ตั้งแต่ แยกบ่อนไก่ ไปจนถึงสะพานไทย-เบลเยียม ล่าสุด เจ้าหน้าที่ทหาร และเทศกิจ สังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวนมาก ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ถนนดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ กลุ่มคนเสื้อแดง ได้นำยางรถยนต์จำนวนมาก มาตั้งเป็นแนวบังเกอร์ และจุดไฟเผา เพื่อเป็นการสร้างสถานการณ์ ความวุ่นวายให้เกิดขึ้น โดยมีการนำรถแมคโคร ตักยางรถยนต์ทั้งหมด ใส่ท้ายรถ 6 ล้อ นำออกจากเส้นทางสัญจร ซึ่งการดำเนินการ ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากเกรงว่า จะมีอาวุธชนิดต่างๆ โดยเฉพาะระเบิดซุกซ่อน อยู่ในแนวบังเกอร์ นอกจากนี้ พนักงานไฟฟ้าได้เริ่มทยอยซ่อมแซมเสาไฟฟ้า ที่ได้รับความเสียหาย จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา จนส่งผลให้ช่วงกลางคืนถนนดังกล่าว ตกอยู่ในความมืด ให้กลับมาใช้การได้ตามปกติ ขณะที่สถานี รถไฟฟ้าใต้ดิน คลองเตย พนักงานได้ลงพื้นที่ซ่อมแซมกระจก ที่ถูกกลุ่มมือมืด ทุบตี จนแตกทั้งหมดแล้ว เช่นกัน ท่ามกลางชาวบ้านในพื้นที่ ต่างออกมามุงดูความเสียหาย ที่เกิดขึ้น แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า การทำงานของสื่อมวลชน เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะชาวบ้านบางราย ยังแสดงความไม่พอใจ ต่อการนำเสนอข่าวของสื่อ ในปัจจุบันอีกด้วย

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook