นายกรัฐมนตรีชวนเชิญทุกกลุ่มเข้ากระบวนการปรองดองฟื้นฟูประเทศ
อภิสิทธ์ แถลงขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่แก้ไขปัญหาบ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติ และเชิญชวนทุกฝ่ายเข้าสู่กระบวนการปรองดอง ฟื้นฟูประเทศ ภารกิจเฉพาะหน้าเร่งฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อจลาจล และจัดการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด
เมื่อเวลา 13.40 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ว่า หลังเหตุการณ์ก่อจลาจล เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม เป็นต้นมา รัฐบาลและศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้เดินหน้าแก้ไขสถานการณ์ จนถึงขณะนี้ถือว่าสถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติมากยิ่งขึ้น เหตุการณ์วันที่ 19 พฤษภาคม หรือตั้งแต่ก่อนหน้านั้น ได้นำมาซึ่งความสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ซึ่งตน รัฐบาล เจ้าหน้าที่ และประชาชน รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณประชาชนจำนวนมาก ที่สื่อสารแสดงความเข้าใจถึงความจำเป็นของรัฐบาล และศอฉ. ในการตัดสินใจเข้าปฎิบัติการ เพื่อให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะปกติ และดำรงความเป็นนิติรัฐได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปฏิบัติการทั้งหมดนั้น ตนขอขอบคุณหลายๆ ฝ่าย ที่อดทน เสียสละในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองท้องถิ่น และหน่วยงานเอกชน อาสาสมัคร กาชาด และหน่วยงานอื่น ๆ ที่มีส่วนสำคัญช่วยบริหารจัดการสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ลุล่วงจนถึงขณะนี้ โดยหลายคนต้องเอาชีวิตเข้าเสี่ยงภัย ตนขอเรียนว่าการตัดสินใจในการปฏิบัติการต่าง ๆ คำนึงถึงคุณค่าชีวิตประชาชน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ทำให้ภาวะของประชาชนตกอยู่ในอันตราย โดยเฉพาะผู้บริสุทธิ์ การปฏิบัติการที่ดำเนินการนั้น ขอยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ตามหลักสากล คำนึงถึงการลดความเสียหายให้น้อยที่สุด
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถึงเวลาที่ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูบ้านเมือง ในเรื่องของอาคารบ้านเมือง และสถานที่ต่าง ๆ หรือการฟื้นฟูทางกายภาพนั้น เราทำได้อยู่แล้ว แต่ที่สำคัญคือการฟื้นฟูจิตใจและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของบ้านเมือง ที่จะต้องเกิดขึ้น ภารกิจของรัฐบาลและ ศอฉ.จะแบ่งเป็นภารกิจเฉพาะหน้า และภารกิจที่ต้องดำเนินการหลังจากนั้น สำหรับภารกิจเฉพาะหน้าคือเร่งฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการ ก่อการร้าย การวินาศกรรม การวางเพลิง และเหตุการณ์อื่นๆ นอกจากนั้น การที่ประชาชนจำนวนมากยังมีความรู้สึกไม่ปลอดภัย ทาง ศอฉ. และรัฐบาลกำลังดำเนินการปรับรูปแบบการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยให้บูรณาการการทำงานระหว่างตำรวจ ทหาร กรุงเทพมหานคร อาสาสมัครต่างๆ ที่จะตระเวนสอดส่องให้สถานการณ์ช่วงวันสองวันข้างหน้าเป็นไปด้วยความเรียบ ร้อย ให้ความมั่นใจกับประชาชนทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับมาตรการที่เกี่ยวข้องกับระยะกลางหรือระยะต่อไป เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติมากขึ้น จะเริ่มยกเลิกข้อกำหนดต่างๆ ที่อาจเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพตามที่มีการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติมากขึ้นโดยลำดับ และสอดคล้องกับการรักษาความสงบของบ้านเมือง ในแง่การดำเนินคดี การดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิด และมีโทษร้ายแรงตามข้อหาต่าง ๆ จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ต่อเนื่อง เด็ดขาด ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สิ่งสำคัญที่สุด คือต้องเตรียมการฟื้นฟูประเทศ ฟื้นฟูจิตใจประชาชนในระยะยาว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยเสนอแผนปรองดอง ซึ่งประกอบด้วย 5 ข้อ แผนดังกล่าวยังเป็นเจตนารมณ์สำคัญที่รัฐบาลยังยึดถืออยู่ แต่ที่ต้องเพิ่มเติมเข้าไปคือการฟื้นฟูทั้งด้านจิตใจ สังคม เศรษฐกิจ หรือเรื่องการเมือง มาถึงขณะนี้กระบวนการปรองดอง และการฟื้นฟูต้องเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกฝ่าย ที่จะช่วยกันทำให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุข ทำให้ประชาชนกลับมาเป็นหนึ่งเดียว มีความสามัคคี ขอย้ำว่าปฏิบัติการที่ทำมาได้ช่วยให้เราสามารถจัดการกับคนทำผิดกฎหมาย คนที่ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง และสำหรับประชาชนที่มีความเห็นแตกต่าง ประชาชนที่มีความเดือดร้อน มีข้อเรียกร้องต่างๆ รัฐบาลต้องตอบสนอง ช่วยแก้ไขให้ความเป็นธรรมกับทุกกลุ่ม
"เราอยู่บ้านเดียวกัน บ้านของเราได้รับความเสียหาย บัดนี้เราได้แยกแยะคนที่จะมาเผาบ้านเราออกไป ซึ่งคนเหล่านั้นจะต้องได้รับโทษ แต่พี่น้องประชาชนที่อยู่บ้านเดียวกันนี้ อาจจะยังมีความคิดเห็นแตกต่างหลากหลายว่า บ้านของเรานั้นควรจะเป็นอย่างไร ระยะเวลาจากนี้ไป ผมอยากเชิญชวนประชาชนทุกคน ทุกกลุ่มว่าเราเป็นคนบ้านเดียวกัน อะไรที่เป็นความแตกต่าง เราก็ต้องรับฟังซึ่งกันและกัน และมาช่วยกันสร้างลงแรง ลงใจทำให้บ้านของเรากลับมาเป็นบ้านที่น่าอยู่สำหรับคนไทยทุกคน กระบวนการนี้จะต้องเริ่มต้นนับแต่นาทีนี้ และผมขอเชิญชวนทุกคนให้ร่วมมือกับภาครัฐ และใช้วิจารณญาณกลั่นกรองในเรื่องข่าวสารต่างๆ ได้ช่วยกันชี้แจงข้อเท็จจริง ไม่ใช่เฉพาะพี่น้องคนไทยด้วยกันเอง แต่ออกสู่ประชาคมโลก เพื่อให้กระบวนการดังกล่าว เดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น รวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศต่อไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว