“มงคลกิตติ์” พร้อมชิง สส.ในนาม "ประชาธิปัตย์" เชื่อพรรคจะกลับมายิ่งใหญ่

“มงคลกิตติ์” พร้อมชิง สส.ในนาม "ประชาธิปัตย์" เชื่อพรรคจะกลับมายิ่งใหญ่

“มงคลกิตติ์” พร้อมชิง สส.ในนาม "ประชาธิปัตย์" เชื่อพรรคจะกลับมายิ่งใหญ่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“มงคลกิตติ์” หวานเจี๊ยบ ประทับใจประชาธิปัตย์ ตั้งแต่สมัยเด็ก อยู่ในใจมานาน ชวนประชาชน คนรุ่นใหม่สมัครสมาชิกพรรค เชื่อพรรคจะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม

นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีตหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 ว่า วันนี้ตนได้บัตรสมาชิกพรรคแล้ว ค่อนข้างดีใจ เพราะตนมีความประทับใจพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่สมัยเด็กที่เคยดูนายชวน หลีกภัย และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน อภิปรายในสภา ซึ่งตนก็ตั้งใจว่าโตขึ้นอย่าเป็นนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ แต่ด้วยประสบการณ์ที่ไม่มากพอ จึงไม่ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่แรก และรู้สึกภูมิใจในการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

แต่ก็ยังคงรักพรรคเดิมอยู่ เพราะพรรคเดิมทำให้ตนได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่อยู่ในใจมานานและคงจะอยู่ในใจของประชาชนหลายคน และคิดว่าปี 67 เป็นนิมิตหมายที่ดีที่อยากเชิญชวนให้ประชาชนทั้งคนรุ่นใหม่ รุ่นเก่า รุ่นกลาง มาสมัครสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีพื้นที่ให้กับคนทุกรุ่นในการสร้างสรรค์

เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคหลักของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ก็สามารถถ่วงดุลให้กับสังคม และสามารถเป็นหลักให้กับประเทศไทยได้ และตนเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมในปี 70 แต่ก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทุกคน

ขณะที่พรรคไทยศรีวิไลย์ก็เป็นการดำเนินการของกรรมการบริหารพรรคชุดเก่า ซึ่งตนมองว่าเป็นการฝึกงานที่พรรคเล็กก่อนที่จะมาปฏิบัติงานในพรรคการเมืองใหญ่ ช่วยเหลือประชาชน เป็นทำงานด้านนิติบัญญัติเป็น ก่อนจะมาเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชน รู้จักผิดชอบชั่วอยู่ชั่วดีแยกแยะถูกผิดเป็นและสามารถทำงานให้ประชาชนเป็นพรรคใหญ่มีระเบียบวินัยค่อนข้างเยอะและเป็นระบบพรรค เป็นเรือใหญ่ที่มีฝีพายที่มีฝีมือเยอะในประชาธิปัตย์ ฝีพายที่แข็งแรงก็จะถูกส่งไปเป็นฝีพายจริง และเมื่อถึงเวลาเรือลำใหญ่ขึ้น ก็ต้องได้ฝีพายที่มากขึ้นก็เหมือนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้ในอนาคต

ปัจจุบันกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยไม่ใช่ 2 มาตรฐาน แต่ไม่มีมาตรฐาน ตนเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะทำให้หลักของประเทศ หลักความยุติธรรมกลับคืนมาเหมือนเดิมและเป็นพรรคหลักในการที่จะรักษาผลประโยชน์เพื่อประชาชนต่อไปได้

นายมงคลกิตติ์ ยังกล่าวด้วยว่า เดิมตั้งใจจะเข้าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งนานแล้ว แต่ด้วยคุณสมบัติยังไม่มีประสบการณ์ และยังขาดวิทยายุทธอีกหลายอย่าง แต่ได้ไปฝึกงานพรรคไทยศิวิไลย์มา 4 ปี ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเป็นฝ่ายค้านถึง 3 ปี กว่า ซึ่งการเป็นสส.สมัยแรก ต้องอยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตรวจสอบถึงจะได้รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ซึ่งตนจะใช้ความรู้ ความสามารถที่เคยเป็นฝ่ายค้าน มาช่วยพรรคประชาธิปัตย์ทำงานในฐานะฝ่ายค้านด้วย

ทั้งนี้ ถ้ามีการยุบพรรคเดือนหน้า ก็มีการเลือกตั้งถึง 8 เขต ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของหัวหน้าพรรคว่า จะส่งคนลงสมัคร สส.อย่างไร แต่ตนก็พร้อม แต่ถ้าไม่มีการยุบพรรคก็จะไม่มีการเลือกตั้งซ่อม ก็ต้องรอปี 70 ในช่วง 3 ปีนี้ ถ้าพรรคเห็นว่าตนสามารถทำงานในพื้นที่ได้ ตนก็พร้อมที่จะลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน

อย่างไรก็ตาม หากพรรคมอบหมายให้ทำหน้าที่อะไรตน ก็พร้อมที่จะทำเต็มที่และ พร้อมตอบโต้ได้ทุกรูปแบบอยู่แล้ว เพราะปัจจุบันรัฐบาลยังไม่มีผลงานอะไรเลย มีผลงานอย่างเดียวคือพานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุก ทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบี้ยว ส่วนเรื่องอื่นยังไม่ได้มีผลงานอะไรเลย ขณะโครงการดิจิตอลวอลเล็ต

ถ้าเดินต่อไปได้หนี้สินก็ 300,000 ล้านบาท แต่ก็มีกระบวนการที่อาจจะมีการทุจริตอยู่หลากหลายรูปแบบแต่ไม่ได้บอกว่าใครทุจริตเพราะโครงการยังไม่เกิด ถ้าจะให้ประชาชนจริงๆ และจะเป็นหนี้ก็ต้องเป็นเงินสด เหมือนตอน โครงการของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งการท่องเที่ยวก็จะเดินต่อไปได้ เพราะสมัยพลเอกประยุทธ์ก็วางรากฐานมาดีอยู่แล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook