จริงหรือ?! แค่ “เคี้ยวหมากฝรั่ง” ก็บรรเทากรดไหลย้อน อาการยอดฮิตคนยุคนี้
รู้ไว้มีประโยชน์! เคี้ยวหมากฝรั่ง ช่วยลดกรดในกระเพาะ บรรเทากรดไหลย้อน จริงหรือไม่ แนะนำ 14 วิธีรับมือ
คนยุคใหม่มักจะยุ่งอยู่กับงานและมีกิจวัตรประจำวันที่ผิดปกติ กรดไหลย้อนค่อยๆ กลายเป็นโรคอารยะ อาการต่างๆ จำเป็นต้องได้รับการบรรเทาลงด้วยการเปลี่ยนนิสัยการใช้ชีวิต
Cheng Hanyu นักโภชนาการชาวไต้หวัน โพสต์ให้ความรู้ว่า อาการทั่วไปที่สำคัญของกรดไหลย้อนคืออาการแสบร้อนที่หน้าอก ในขณะที่อาการผิดปกติอื่นๆ คือ กลืนลำบาก, ไอ, เจ็บหน้าอก, เจ็บคอ, ฟันกร่อน, หอบหืด, เสียงแหบ ฯลฯ หากละเลยปัญหากรดไหลย้อนเป็นเวลานาน ก็อาจพัฒนาเป็นแผลในหลอดอาหารได้ และหากยังคงอักเสบอยู่ก็อาจกลายเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้
แนะนำ 14 วิธีหลีกเลี่ยงกรดไหลย้อน
1.เคี้ยวหมากฝรั่ง (ไม่มิ้นต์)
การเคี้ยวหมากฝรั่งจะเพิ่มการสร้างน้ำลาย และอาจช่วยลดกรดในกระเพาะอาหารในหลอดอาหารได้ แต่อย่าลืมหลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่งที่ผสมมินต์ เพื่อหลีกเลี่ยงอาการไม่สบายที่อาจจะเพิ่มขึ้น
2. นอนตะแคงซ้าย
การศึกษาพบว่าการนอนตะแคงขวาอาจทำให้กรดไหลย้อนในเวลากลางคืนแย่ลง! ขณะที่การนอนตะแคงซ้ายช่วยลดปัญหากรดในหลอดอาหารได้มากถึง 71% ดังนั้นหากมีอาการกรดไหลย้อนในเวลากลางคืน ให้ลองนอนตะแคงซ้าย
3.ยกหัวเตียงขึ้น
บางคนมีแนวโน้มที่จะมีอาการกรดไหลย้อนในตอนกลางคืน ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพการนอนหลับ การยกหัวตอนนอนให้สูงขึ้น เช่น การเพิ่มหมอนเสริม สามารถลดอาการกรดไหลย้อน และทำให้อาการต่างๆ ดีขึ้นได้
4. รับประทานอาหารเย็นเร็วขึ้น
ผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อนควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารภายใน 3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เนื่องจากการนอนราบหลังรับประทานอาหารจะทำให้การย่อยอาหารช้าลง อาจทำให้อาการกรดไหลย้อนแย่ลงได้
5. เลือกหัวหอมที่ปรุงสุกแทนหัวหอมดิบ
บางคนมีอาการแสบร้อนกลางอก และปัญหากรดไหลย้อนเพิ่มขึ้น หลังจากรับประทานหัวหอมดิบ หัวหอมอาจมีกากใยอาหารในปริมาณสูง ซึ่งอาจเพิ่มความแสบร้อนกลางอก กรดไหลย้อน และการเรอได้
6. รับประทานอาหารมื้อเล็กๆ บ่อยๆ
อาการกรดไหลย้อนมักจะสังเกตได้ชัดเจนหลังรับประทานอาหาร และการรับประทานอาหารมื้อใหญ่อาจทำให้อาการแย่ลงได้ขอแนะนำให้เปลี่ยนมารับประทานอาหารมื้อเล็กๆ แต่บ่อยๆ มากขึ้น เป็นวิธีที่เหมาะสมกว่า
7. น้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพ
American Society of Gastrointestinal Endoscopy ระบุว่า โรคอ้วนเป็นสาเหตุสำคัญของกรดไหลย้อนซ้ำ ไขมันหน้าท้องส่วนเกิน (พุงที่ใหญ่เกินไป) มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของกรดไหลย้อน รวมทั้งความดันในช่องท้องที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดจากโรคอ้วน
8. คาร์โบไฮเดรตต่ำ
การศึกษาบางชิ้นพบว่าการย่อยคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ดี และการเจริญเติบโตของแบคทีเรียมากเกินไปในลำไส้เล็ก อาจทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ อาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำอาจเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
9. เลิกดื่มสุรา
การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป อาจทำให้อาการของกรดไหลย้อนแย่ลงได้
10. อย่าดื่มกาแฟมากเกินไป
กาแฟอาจทำให้กรดไหลย้อน และอาการเสียดท้องแย่ลง อย่างไรก็ตาม ทุกคนมีปฏิกิริยาต่อกาแฟต่างกัน ดังนั้นหากคุณพบว่ากาแฟทำให้อาการแย่ลง ให้ดื่มกาแฟน้อยลง
11. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มอัดลม
การดื่มเครื่องดื่มอัดลม อาจเพิ่มความถี่ของการเรอได้ชั่วคราว ซึ่งอาจเพิ่มอาการกรดไหลย้อนได้ด้วยเช่นเดียวกัน
12. อย่าดื่มน้ำส้มมากเกินไป
เนื่องจากน้ำผลไม้หลายชนิด รวมถึงน้ำส้มและน้ำเกรพฟรุต ถือเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการเสียดท้อง
13. หลีกเลี่ยงมิ้นท์
เปปเปอร์มินต์ช่วยลดความดันกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่าง ซึ่งอาจทำให้อาการเสียดท้องและกรดไหลย้อนแย่ลงได้
14. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
อาหารที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อทอด เบคอน และไส้กรอก อาจทำให้เกลือน้ำดีถูกปล่อยออกสู่ทางเดินอาหาร ทำให้เกิดกรดไหลย้อน และระคายเคืองต่อหลอดอาหาร ช่วยกระตุ้นการปล่อยสารโคลซิสโตไคนิน (CCK) และผ่อนคลายกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่าง ทำให้อาหารในกระเพาะอาหารไหลกลับเข้าสู่หลอดอาหารได้