"มายด์ ณภศศิ" เผยใครก็เตือนคบ "สงกรานต์" จะไหวเหรอ?! โดนด่าแอ๊บแบ๊ว
"มายด์ ณภศศิ" เผยใครก็เตือนคบ "สงกรานต์" จะไหวเหรอ?! โดนด่าแอ๊บแบ๊ว เคยรู้สึกตัวเองไม่คู่ควรกับวงการบันเทิง
เปิดใจ “มายด์-ณภศศิ สุรวรรณ” เล่าแบบหมดเปลือกถึงจุดเริ่มต้นความรักระหว่างหนุ่ม “สงกรานต์ เตชะณรงค์” ที่ตอนนี้ขยันเสิร์ฟคอนเทนต์หวานลงโซเชียลรัวๆ ย้อนเล่าอดีตที่เคยโดนด่า ดัดเสียง แอ๊บแบ๊ว จนเป็นปมไม่มั่นใจตัวเองถึงขนาดอยากออกจากวงการ และด้านความรักครั้งนี้ที่ใครๆ ก็เตือนจะไหวเหรอ ในรายการ WOODY INTERVIEW
ได้มีโอกาสดูคลิปใน TikTok ตัดต่อเองไหม พี่ว่ามันเรียลมากเลยทั้งคลิปส่วนตัวแล้วก็เวลาอยู่กับแฟนคนก็ชอบนะ ?
มายด์ : ตัดเองหมดเลยค่ะ เมื่อก่อนก็ไม่มั่นใจ จะเล่นแต่ในอินสตาแกรมเยอะกว่า แต่พอหลังๆได้มาลองตัดคลิป แล้วเล่น TikTok ก็เริ่มรู้สึกมากๆ กลายเป็นคนชอบดูมายด์ไปกินค่ะตอนนี้ มันทำให้คนเห็นมายด์ในอีกมุมหนึ่ง คือเมื่อก่อนถ้าคนมองเราแต่แค่ภาพ อาจจะคิดว่าเรานิ่งๆ เซ็กซี่ หรือว่าไม่ได้พูดเยอะ อาจจะดูแบบหยิ่งๆหน่อยด้วยซ้ำ แต่พอมี TikTok เรารู้สึกว่าเป็นตัวเองได้ เหมือนเราไม่ต้องเป๊ะตลอดเวลา สามารถปล่อยชีวิตในทุกๆวันที่เราไม่ได้ตื่นมาแต่งหน้าสวยทุกวัน ในชีวิตจริงๆที่คนเขาเห็นก็อาจจะเอ็นดูเรามากขึ้นเยอะเลย
สังเกตุไหมว่าตอนนี้คนชอบความเรียลมากๆ
มายด์ : ใช่ค่ะ มายด์เข้าวงการมาตั้งแต่เด็กๆ พี่วู้ดดี้ แต่ว่าเอาจริงๆ ยุคนี้ถือว่ามีคนรู้จักเราเยอะสุด ตลอด 30 กว่าปีที่ผ่านมา มายด์เข้าวงการจริงๆ ประมาณตอน ม.5 ค่ะ ที่เริ่มมีประกวดอุทัยทิพย์ ตอนนั้นก็คือโอเคคนอาจจะรู้จักเราจำนวนหนึ่ง ในตอนนั้นเราก็เป้นฟีลเหมือนเน็ตไอดอล เราก็อยากให้คนเห็นมุมเราออกมาแบบสวย เพอร์เฟค แล้วก็ไม่อยากให้ใครเห็นมุมธรรมชาติ แต่ว่าโลกทุกวันนี้มันเปลี่ยนไปคนชอบในความธรรมชาติมากขึ้น
จำได้ว่าตอนนั้นดังมากคนรู้จักเยอะ แต่ทราบมาว่ามายด์เองรู้สึกว่าไม่คู่ควรตัวเองไม่คู่ควรกับวงการบันเทิง ?
มายด์ : ตอนเด็กมายด์เป็นคนค่อนข้างเป็นเด็กเรียนมาก เนิร์ดมาก ความฝันวัยเด็กคืออยากเป็นคุณครูหรือคุณหมอ จะเป็นคนที่จริงจังกับการเรียนหนังสือมาก ความฝันของเราไม่เคยอยู่ในวงการเลย รู้สึกว่ามันห่างไกลมาก เป็นเด็กต่างจังหวัดด้วยอยู่ชลบุรี พอวันที่มีโอกาสเข้ามาในวงการบันเทิงตอนแรกก็ไม่มั่นใจ ทุกวันนี้ก็ยังมีความไม่มั่นใจ รู้สึกว่าตัวเองหัวโตกว่าตัว เวลาเข้ากล้องมันจะเหมือนขยายขึ้นอีก 30% ในตอนแรกๆ มายด์จะทำผมแบบปิดหน้าหมดเลย เพราะรู้สึกว่าตัวเองหน้าใหญ่ ซึ่งเป็นปมที่อยู่กับเรามานาน เลยคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่ทาง แล้วก็จะมียุคที่เราก็เล่นละคร แล้วเราก็อาจจะไม่ได้สวยในทุกมุม เราเป็นคนที่เพอร์เฟคชั่นนิสนิดหนึ่ง เวลาอยู่ในกล้องทำไมด้านนี้มันไม่สวยก็จะไม่มีความสุขแล้ว สมัยนั้นการแพทย์ก็ยังไม่ได้มีเท่านี้ ก็ไปทำงานด้วยความไม่มั่นใจ ในตอนนั้นความคิดก็ยังอาจจะไม่ได้โตแบบทุกวันนี้ที่จะมองไปหลากหลายมุม เลยคิดว่าเราอาจจะไม่เหมาะก็ได้
มีคอมเมนต์ไหนที่ทำให้เรารู้สึกเครียดไหม ?
มายด์ : มีค่ะ แต่อยากจะบอกว่าทุกวันนี้เราโตขึ้นจนเราเห็นคำพูดเหล่านั้นแล้วสามารถปล่อยได้ มายด์จำได้เลยก่อนที่มายด์จะได้รับตำแหน่งอุทัยทิพย์ตอนแรกที่อยู่ในช่วงการประกวดทุกคนชื่นชมและพูดถึงในทางที่ดีมาก แต่พอหลังจากวันหนึ่งที่เราได้ตำแหน่งแล้ว เหมือนเราเริ่มมีแสงมากขึ้น ก็เริ่มมีคอมเมนต์ด้านลบเข้ามาเยอะขึ้น ดัดเสียง แอ๊บแบ๊ว ในยุคนั้น ก็เสียใจแต่มายด์มีคนรอบตัวที่ดีมากๆครอบครัว เพื่อนๆที่เขาเป็นส่วนผลักดัน ในคำพูดของคนรอบข้างที่เหมือนหล่อหลอมเราให้มีพลังในตัวเองทำให้ผ่านจุดนั้นมาได้ สิ่งที่มีพลังลบก็ไม่สามารถมากระทบตัวเราได้ สุดท้ายแค่ทำตัวเราให้มันดีส่วนไหนที่มันด้อยจริงๆ ก็เอามาปรับปรุงให้ดีขึ้น สำหรับมายด์ทุกวันนี้รู้สึกว่าหลายๆคนใน TikTok ที่เขามาเป็นพลังบวกให้หนู แล้วพลังบวกที่หนูส่งต่อกลับไปให้เขามันถึงจริงๆ แล้วเขาก็ถึงหนู เลยรู้สึกว่าทุกวันนี้มีคนเอ็นดูเราเยอะขึ้นมากๆ กว่าตลอดการทำงานในชีวิต ช่วงปีนี้เป็นช่วงที่รู้สึกมีความสุขในการทำงานมากขึ้นเยอะเลยค่ะ มั่นใจในตัวเองมากขึ้นด้วย
เจอกับ สงกรานต์ เตชะณรงค์ ได้ยังไง ?
มายด์ : กับพี่กรานต์ตอนนั้นคือ ต้องบอกว่าด้วยวัยที่ค่อนข้างห่างกันประมาณ 8 ปีค่ะ เขาเป็นเพื่อนกับรุ่นพี่ เราก็มีโอกาสได้เจอกันตามงานแล้วก็ในการตีกลอฟ์ด้วย ตีกลอฟ์มาปีกว่าแล้วค่ะ
คบกันมากี่ปีแล้ว ?
มายด์ : น่าจะเกือบปีแล้วนะคะ คือมีโอกาสเจอกันแล้วก็ได้คุย พี่เขาก็เหมือนมาคุยกับเราเยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วอะไรหลายๆอย่างมันโอเค ตอนนั้นหนูก็ไม่ได้มีใคร เหมือนหลังๆ เราก็มาโฟกัสกับงานเริ่มทำธุรกิจเยอะ ก็เลยมีปรึกษากันด้านการทำธุรกิจบ้าง ทัศนคติในการใช้ชีวิต มีโอกาสคุยกันมากขึ้นทั้งเรื่องกลอฟ์และเรื่องการทำงานหลายๆ อย่างที่คุยแล้วได้หลายมุมที่ทำให้มายด์โตขึ้นด้วย เราได้เรียนรู้อะไรจากเขา ตอนแรกคนเตือนหนูเยอะมากพี่วู้ดดี้ ว่าพี่สงกรานต์จริงๆ เหรอ ที่อาจจะมีมุมข่าวที่เราเห็น คุณพ่อคุณแม่มายด์ก็เห็น เขาก็ถามเราว่าจะไหวเหรอ พี่เขาจะจริงจังจริงใจกับเราไหม ซึ่งมายด์ฟังทุกคนเลยนะที่เตือน แต่มายด์ก็รู้สึกว่าสุดท้ายช่วงชีวิตของแต่ละคน มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ไม่ใช่ตัวเราจะเกิดมาแล้วดีทุกอย่างเหมือนกัน เราก็มีจุดผิดพลาด หรือมีอะไรที่เป็นเหตุเกิดในชึวิตแล้วทำให้เราเรียนรู้กับมันแล้วโตขึ้น รู้สึกว่าจากการที่มายด์สัมผัสกับตัวเอง เราบอกกับทุกคนว่ามายด์รับฟังและระวัง มายด์ไม่ได้เป็นคนที่ใช้ใจทั้งหมด เราก็จะใช้สมองแล้วก็คิด เรามองหลายด้านมาก การคุยของพี่เขา โอเคเขาก็อาจจะเป็นคนที่มีคารมดีและมีเสน่ห์ในการจีบผู้หญิงอันนี้ไม่เถียง แต่ว่าในมุมอีกหลายๆ มุมที่มองเห็นในตัวเขารู้สึกสัมผัสได้ถึงความจริงใจ เขาไม่ได้เป็นคนที่มีอะไรซับซ้อนอย่างที่หลายคนบอก ค่อนข้างจะตรงๆ ด้วยซ้ำ แต่อาจจะด้วยอารมณ์ของเขาที่เป็นผู้ชายจ๋าๆ เลย ระยะเวลาที่ผ่านไปแล้วพอเขาเริ่มมาเจอคนรอบตัวเราก็กลายเป็นว่าทุกคนก็เห็นด้วยว่าเขาน่ารัก
ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหมตั้งแต่มี สงกรานต์ เตชะณรงค์ ?
มายด์ : เปลี่ยนไปเยอะนะคะ อย่างแรกเลยขอบคุณพี่กรานต์ ต้องยอมรับว่าคนรู้จักมายด์ขึ้นทุกวันนี้และมีโอกาสเห็นเรามากขึ้น รู้จักตัวตนเรามากขึ้นก็เพราะพี่สงกรานต์ พอเริ่มมีจุดที่มีข่าว คนก็เริ่มมาสนใจว่าคนนี้คือใคร แล้วก็ได้มาเห็นเรามากขึ้น รู้สึกเปลี่ยนไปเยอะในด้านนี้ด้วยอย่างแรก แล้วอีกหนึ่งอย่างคือเรื่องของการใช้ชีวิตค่ะ เราก็ดีขึ้นหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ออกกำลังกายหนักมากค่ะ
สามารถติดตาม WOODY INTERVIEW ได้ที่ช่องทาง Facebook: Woody , Youtube: Woody
คลิกชมย้อนหลัง : https://www.youtube.com/watch?v=of4X5WsYHAU&ab_channel=WOODY
อัลบั้มภาพ 9 ภาพ