เมียเอะใจผัวทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ แจ้งตำรวจตรวจประวัติ ความลับที่ซ่อนไว้ทำเอาใจพัง
เมียเอะใจผัวทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ ระแวงผู้คน แจ้งตำรวจตรวจประวัติ รู้ความลับที่ซ่อนไว้ทำเอาใจพัง
เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 1 มิถุนายน 67 พ.ต.ท.กิตติพันธ์ ศิริพร รอง ผกก.กก.สส.1 บก.สส.ภ.8 ได้รับแจ้งจาก น.ส.ดาว (นามสมมุติ) ว่า นายธงชัย คูเจริญ ซึ่งเป็นชาวชุมพร สามีซึ่งอยู่กินด้วยกันเมื่อไม่นาน มีพฤติกรรมน่าสงสัย มักปกปิดใบหน้าทุกครั้งที่ออกจากบ้าน อีกทั้งเมื่อออกจากบ้านแล้ว จะระวังระแวงคนรอบด้านทุกคน โดยเฉพาะเมื่อกลับบ้านที่ชุมพร จะห้ามไม่ให้ชวนไปไหน และขณะนี้กำลังเดินทางโดยรถทัวร์ปรับอากาศ สายกรุงเทพ-โคกกลอย-พังงา เป้าหมายจะลงไปทำธุระเรื่องกู้ยืมเงิน ที่ จ.ระนอง จึงต้องการให้ช่วยตรวจสอบประวัติสามีว่าเป็นคนร้ายที่เคยก่อเหตุหรือไม่
จึงสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำการตรวจสอบประวัติ พบว่า นายธงชัย อายุ 38 ปี มีหมายจับของหลายสถานีตำรวจในจังหวัดชุมพรและจังหวัดใกล้เคียง ในข้อหาลักทรัพย์ และคดียักยอกทรัพย์ จำนวน 20 คดี มีหมายจับ 14 หมายจับ โดยเฉพาะพื้นที่ชุมพร มีหมายจับ จำนวน 9 หมายจับ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.8 ลงพื้นที่วางแผนร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ชุมพร และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว(ชุมพร)เพื่อทำการจับกุม บนถนนสายเพชรเกษม ขาล่อง บริเวณด่านตรวจปฐมพร
จนกระทั่งเวลา 01.00 น.วันที่ 2 มิถุนายน 67 รถทัวร์ปรับอากาศสีฟ้า-ขาว หมายเลขทะเบียน 16-8530 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ ม.4(ข)/99-1221 วิ่งระหว่างกรุงเทพ-โคกกลอย-พังงา ขับเข้ามาในด่าน เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณให้จอด ก่อนเรียกเข้าริมทางเพื่อขอตรวจค้น โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ได้ทราบ ท่ามกลางความตื่นตกใจของผู้โดยสารที่โดยสารมากับรถทัวร์คันดังกล่าว ก่อนขอขึ้นไปตรวจค้น แต่ไม่พบนายธงชัย แต่อย่างใด
จากการสอบถามพนักงานขับรถทัวร์ ทราบว่า เมื่อประมาณ 4 ทุ่มเศษ ได้มีผู้โดยสาร เป็นหญิงกับชาย แต่ไม่ทราบว่าเป็นแฟนกันหรือไม่ ซึ่งทั้งสองได้ซื้อตั๋วโดยสารเพื่อลงปลายทางที่ จ.ระนอง แต่ได้ขอลงระหว่างทาง ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่คาดว่า นายธงชัย คงไหวตัวทัน จึงได้นำกำลังบางส่วน เร่งเดินทางไปตรวจสอบโดยเชื่อว่า ทั้งสองคงจะต้องหาที่พักเพื่อรอเวลาเดินทางต่อไปยัง จ.ระนอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 03.00 น.วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.8 และตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ชุมพร สืบทราบว่า นายธงชัย พร้อม น.ส.ดาว ภรรยา หลังจากที่ลงจากรถทัวร์แล้วได้เข้าไปเปิดห้องพัก หมายเลข 7 ของโรงแรมแห่งหนึ่งริมถนนสายเพชรเกษม ขาล่อง ใกล้กับจุดที่ลงจากรถทัวร์ ไม่มากนัก จึงเดินทางไปยังเป้าหมาย ก่อนเรียกคนในห้องเปิดประตู พบ น.ส.ดาว เป็นผู้เปิดประตู โดยมีนายธงชัย ซึ่งนั่งอยู่บนเตียง ด้วยสีหน้าซีดขาว
เจ้าหน้าที่ได้นำหมายจับ ของศาลจังหวัดชุมพร ที่ จ.94/2566 ลงวันที่ 11 เมษายน 66 ข้อหาลักทรัพย์ ให้นายธงชัย ได้อ่านดู โดยนายธงชัย รับว่าเป็นบุคคลดังกล่าวจริง พร้อมให้การในเบื้องต้นว่า การที่ตนเองต้องลงจากรถระหว่างทาง ก็เนื่องจากแอร์ไม่เย็น จึงขอลงดีกว่าแล้วค่อยเดินทางต่อ ไม่ทราบว่าตำรวจรอดักจับอยู่ที่ชุมพร ในส่วนการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ต้องอยู่แบบหลบๆ ซ่อนๆ ไปไหนมาไหนก็ต้องระวังตัว หากพบว่ามีคนแปลกหน้า ก็จะขอรถคนรู้จักอ้างไปทำธุระ แล้วก็เอาไปจอดทิ้ง เพื่อหนีจากจุดนั้นให้ไกลที่สุด หรือเมื่อครั้งที่ก่อเหตุลักทรัพย์ ที่ สภ.ปากน้ำชุมพรแห่งนี้ ได้ออกหมายจับนั้น ตนเองไม่ได้ตั้งใจลักทรัพย์ เพียงแต่ว่า ได้เช่าเหมารถแท็กซี่คันดังกล่าว มาชุมพร ระหว่างที่นั่งกินข้าวกันอยู่ที่ร้านอาหารริมชายหาด ตนเองได้ขอรถออกไปทำธุระโดยให้คนขับนั่งกินข้าวอยู่ก่อน และเมื่อขับออกไปก็นำไปจอดทิ้งรอยต่อชุมพร-ประจวบคีรีขันธ์ แค่นั้น
และยืนยันว่า คดีที่ตนเองก่อนั้นไม่ถึง 10 คดี และบางคดีตนเองก็ชนะก็มี และทุกวันที่หลบหนีนั้นก็พยายามศึกษากฎหมายโดยเฉพาะกรณีลักทรัพย์และยักยอกทรัพย์ มีอัตราโทษเพียงไหนและจะสู้ในทิศทางไหนที่จะชนะหรือลดย่อนผ่อนโทษให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้บันทึกจับกุมตัวนายธงชัย ก่อนนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป