มาร์ค สุรเดช ฟันธงตรงเป้าฟุตบอลคืนนี้!!

มาร์ค สุรเดช ผู้บรรยายกีฬา True Visions และ บรรณาธิการบทความ FourFourTwo ขอฟันธงตรงเป้าศึกฟุตบอลโลก 2010 คืนนี้!!

ฟุตบอลโลก 2010 วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน
กลุ่ม บี

เกาหลีใต้ vs กรีซ

จะเตะกันเป็นคู่แรกของกลุ่ม บี ซึ่งถือเป็นอีกกลุ่มที่มีความสูสี ใกล้เคียงในการลุ้นเข้ารอบ แต่อาจจะตัด อาร์เจนติน่า ออกไปก่อนเพราะพวกเขาดูจะเทพกว่าอีก 3 ทีมอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ เกาหลีใต้, กรีซ และ ไนจีเรีย ไม่มีทางเลือกที่จะต้องห้ำหั่นกันเองว่าทีมที่จะตามหลังทีมของ มาราโดน่า เข้ารอบต่อไปนั้นจะเป็นทีมใดนั่นเอง
ความพร้อมของ เกาหลีใต้ ในเวลานี้ถือว่าน่าพอใจ โดยเฉพาะความฟิตของ ปาร์ค ชี ซอง ที่มีอาการบาดเจ็บมาก่อนหน้านี้ ล่าสุดเจ้าตัวพร้อมที่จะลงทำหน้าที่บัญชาการเกมในแดนกลางได้ค่อนข้างแน่นอน แต่ทีเด็ดอีกชิ้นของทีม “โสมขาว” คงต้องฝากความหวังไว้กับ ปาร์ค ชู ยัง ด้วยอีกคนหนึ่ง ประสบการณ์การได้ไปเล่นในยุโรปของเขาน่าจะช่วยทีมได้เยอะทีเดียว โดยเฉพาะในเรื่องของการทำประตู
ด้านอดีตแชมป์ยูโร 2004 กรีซ นั้น อ็อตโต้ เรห์ฮาเก้ล ก็ต้องการจะเห็นทีมของเขาเก็บ 3 คะแนนให้ได้เพื่อจะเพิ่มโอกาสในการลุ้นเข้ารอบของทีมอันดับ 13 ในฟีฟ่า เวิล์ด แรงกิ้ง แนวรุกของ กรีซ ถือว่าไม่เบาทีเดียว รายของ เธโอฟานิส เกคัส มีดีกรีเป็นถึงดาวซัลโวของโซนยุโรปในรอบคัดเลือก แดนกลางยังมีพวกตัวเก๋าๆอย่าง จอร์จอส คารากูนิส, คอสทาส คัตซูรานิส และอีกหลายคนจากชุดแชมป์ ยูโร 2004 เป็นแกนสำคัญ

ความน่าจะเป็น
เกาหลีใต้ อุ่นเครื่องได้ดีทีเดียว แต่การเพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บของ ปาร์ค ชี ซอง อาจจะยังไม่เต็มร้อยดีนัก ทำให้ดูแล้วเป็นรอง กรีซ อยู่นิดๆ นอกจากนี้ กรีซ ยังได้เปรียบในเรื่องของรูปร่าง ซึ่งอาจจะเป็นทีเด็ดของพวกเขาในการใช้ลูกโด่งเล่นงานให้แนวรับของตัวแทนจาก เอเชีย ต้องเสียศูนย์

ผลการแข่งขันที่คาด
เกาหลีใต้ แพ้ กรีซ 0-1

 

 

อาร์เจนติน่า vs ไนจีเรีย

เป็นการฟาดแข้งคู่สองของกลุ่ม บี โดยเต็ง 1 ของกลุ่มอย่าง อาร์เจนติน่า จะพบกับ ไนจีเรีย ทีมแกร่งจากกาฬทวีป โดยเกมนี้มีการคาดการณ์กันว่า ดีเอโก้ มาราโดน่า กุนซือมาดกวนของทีม “ฟ้าขาว” อาจจะปรับเปลี่ยนระบบการเล่นจากเดิมที่ใช้ 4-4-2 มาเป็น 4-3-3 เพื่อให้สอดคล้องกับความคุ้นเคยของผู้เล่นคนสำคัญอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ให้มากที่สุด และน่าจะได้ลงสนามเป็นตัวฟรี มีอิสระในการทำเกมเต็มที่ร่วมไปกับอีก 2 กองหน้าอย่าง กอนซาโล่ อิกวาอิน และ คาร์ลอส เตเวซ ในส่วนของแดนกลางจะมี ฮวน เซบาสเตียน เวรอน มิดฟิลด์จอมเก๋า และ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ เป็น 2 กำลังหลัก ส่วนเกมรับ มาร์ติน เดมิเคลิส นำทีม

ฟากของ ไนจีเรีย ที่เพิ่งจะแต่งตั้งกุนซือจากสวีเดนอย่าง ลาร์ส เลเกอร์บัค ให้เข้ามารับงานเมื่อต้นปี เกมนี้ก็มุ่งมั่นจะสร้างผลงานให้ช็อกโลกเช่นกัน สตาร์ดังของทีม “อินทรีมรกต” คงหนีไม่พ้นกองหน้าอันดับ 1 ในยุคปัจจุบันของพวกเขาก็คือ โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ กองหน้าความเร็วสูง ขณะที่แดนกลางแม้จะขาดนักเตะอย่าง จอห์น โอบี มิเคล ไปเพราะอาการบาดเจ็บจนต้องถอนตัวก่อนหน้าทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้นเพียงไม่กี่วัน แต่ดาวรุ่งอย่าง ฮารูน่า ลุคแมน ดาวเตะวัย 19 ปีที่ค้าแข้งอยู่กับ โมนาโก ในลีก เอิง ก็อาจจะก้าวขึ้นมาอย่างเซอร์ไพรส์เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าจะสามารถแทนที่ มิเคล ได้หรือไม่ นอกจากนี้ เลเกอร์บัค ยังมีผู้เล่นอย่าง ดิ๊คสัน เอตูฮู หรือแม้แต่ จอห์น ยูตาก้า ที่มีประสบการณ์สูง ให้ได้พึ่งพา

ความน่าจะเป็น
แน่นอนว่า อาร์เจนติน่า เหนือกว่าในแง่ของความดัง แต่ ไนจีเรีย ก็เป็นทีมแกร่งที่น่าจะสร้างปัญหาให้กับอดีตแชมป์โลก 2 สมัยได้ไม่น้อย อย่างไรก็ดีด้วยการมีนักเตะที่สามารถตัดสินเกมได้ในเสี้ยววินาทีอย่าง เมสซี่ ทำให้ อาร์เจนติน่า น่าจะบดเอาชนะเก็บ 3 แต้มแรกเป็นประเดิมได้สำเร็จ

ผลการแข่งขันที่คาด
อาร์เจนติน่า ชนะ ไนจีเรีย 2-0

ฟุตบอลโลก 2010 วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน
กลุ่ม ซี
อังกฤษ vs สหรัฐอเมริกา

เป็นบิ๊กแมตช์ประจำวันเลยทีเดียว เพราะแม้จะเป็นพันธมิตรในด้านการเมือง, การทหาร และ เศรษฐกิจ แต่ในทางฟุตบอลแล้ว 2 ชาตินี้คงไม่มีทางยอมกันง่ายๆแน่ แถมยังต้องมาเจอกันตั้งแต่เกมแรกในการออกสตาร์ทด้วย การเก็บ 3 คะแนนเป็นประเดิมให้ได้ก่อนถือเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยเลยก็ว่าได้

ในส่วนความพร้อมของทีม “สิงโตคำราม” นั้น ฟาบิโอ คาเปลโล่ ต้องตัดสินใจว่าจะใช้ใครในตำแหน่งพาร์ทเนอร์ของ จอห์น เทอร์รี่ ในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ แต่ดูจากโอกาสแล้วน่าจะเป็นทางด้านกัปตันทีมจาก ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส อย่าง เล็ดลีย์ คิง ที่จะได้รับโอกาสก่อนคนอื่นๆ แดนกลางของ อังกฤษ นำทัพโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมในทัวร์นาเมนต์นี้, แฟร้งค์ แลมพาร์ด โดย โจ โคล มีลุ้นสอดแทรกลงเล่นเป็น 11 ตัวจริง ส่วน เวย์น รูนีย์ นั้นยืนเป็นตัวหลักแน่ๆอยู่แล้ว

ด้าน สหรัฐอเมริกา นั้น บ็อบ แบร็ดลีย์ อาจจะเน้นเกมรับด้วยการปรับแผนมาเล่นในสูตร 4-5-1 โดยมี โจซี่ อัลติดอร์ เป็นกองหน้าตัวเป้าและให้ แลนดอน โดโนแวน กับ คลิ้นท์ เดมป์ซีย์ คอยสลับกันขึ้นโจมตีจากริมเส้นทั้ง 2 ข้าง เกมรับของ สหรัฐ ยังไม่เข้าที่นักอันสืบเนื่องมาจากสภาพความฟิตของปราการหลังร่างยักษ์อย่าง โอกูชี่ ออนเยวู นั่นเอง อย่างไรก็ดีพวกเขายังพออุ่นใจได้ว่าในส่วนของด่านสุดท้ายอย่าง ทิม ฮาวเวิร์ด นั้น พัฒนาฝีมือการเซฟประตูขึ้นมาจนมั่นคง และ ไว้ใจได้ในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้

ความน่าจะเป็น
อังกฤษ นั้นไม่มีมารับอยู่แล้ว โดยพวกเขาน่าจะเป็นฝ่ายเดินเกมเข้าหา สหรัฐ และอาศัยจังหวะการเข้าทำของนักเตะอย่าง รูนีย์, แลมพาร์ด รวมทั้ง เจอร์ราร์ด เป็นทีเด็ด แต่ก็ต้องระวังเกมสวนกลับของ สหรัฐ ให้ดี รวมถึงการไม่พยายามเสียลูกตั้งเตะอย่างไม่ควรจะเป็น ไม่งั้นอาจน้ำตาตกได้เช่นกัน อย่างไรก็ดีเทียบความเด็ดขาดกันแล้ว อังกฤษ ยังดูดีมีโอกาสคว้า 3 แต้มได้มากกว่า

ผลการแข่งขันที่คาด
อังกฤษ ชนะ สหรัฐอเมริกา 1-0

มาร์ค สุรเดช

ผู้บรรยายกีฬา True Visions และ บรรณาธิการบทความ FourFourTwo