นิพิฏฐ์ เผยแนวทางสู้คดียุบ ปชป.
นิพิฏฐ์ เผยแนวทางการต่อสู้คดียุบพรรค ทั้งข้อเท็จจริง-ข้อ กม. ยันอำนาจยุบพรรคอยู่ที่นายทะเบียนพรรคการเมือง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์เพื่อต่อสู้คดีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงข้อโต้แย้งแก้ข้อกล่าวหาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ทางพรรคได้ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่า คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของพรรคประชาธิปัตย์แบ่งออกเป็น 3 ข้อกฎหมาย คือ 1.การเทียบเคียงการยุบพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคไทยรักไทยในอดีตนั้น ประธาน กกต. ต้องใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะที่เป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง เพื่อสั่งให้พิจารณาสำนวนการยุบพรรคไม่ใช่อำนาจของ กกต. 2.คดีการยุบพรรคประชาธิปัตย์หมดอายุความไปแล้ว เนื่องจากตามกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.มาตรา 52 และ 114 ว่าต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นใน 6 เดือน และกรณีนี้เกิดมาตั้งแต่ปี 2547-2548 3.กกต.ชุดเดียวกันนี้ได้เคยใช้อำนาจในการวินิจฉัยมูลเหตุในกรณีนี้ไปแล้ว เมื่อปี 2550 โดยมีคำสั่งว่า คดีไม่มีมูล มีมติสั่งให้ยกคำร้องในกรณีนี้ ดังนั้น การวินิจฉัยของ กกต.ครั้งหลังนี้จึงเป็นการใช้อำนาจหน้าที่วินิจฉัยซ้ำ ซึ่งถือเป็นการใช้อำนาจซ้ำ
นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า ในประเด็นข้อเท็จจริงนั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้โต้แย้งข้อกล่าวหาของ กกต.ไป 3 ประเด็น คือ 1.แผนงานในการเลือกตั้ง 4 โครงการ ที่พรรคขอใช้งบประมาณปี 2548 ในส่วนที่มีปัญหา คือ การจัดทำป้ายโฆษณาประชาสัมพันธ์นโยบายและผู้สมัครของพรรคจำนวน 29 ล้านบาท ที่ทาง กกต.กล่าวหาว่า เป็นการจัดทำไปก่อนแล้วค่อยมาแก้ไขนั้น โดยข้อเท็จจริงทางพรรคได้ดำเนินการอยู่เดิมแล้วในงบประมาณ 19 ล้านบาท ซึ่งทาง กกต.เองเป็นผู้อนุมัติงบประมาณในโครงการที่เกี่ยวข้องกัน 2.ในการเตรียมการเลือกตั้งพรรคทำตามประเพณี และ กกต. เองก็เคยตรวจสอบบัญชีงบประมาณในการใช้จ่ายของพรรคไปแล้ว และ กกต.เองก็รับรองแล้ว 3.ยืนยันไปว่า ขนาดป้ายโฆษณาหาเสียงของพรรค ทางพรรคทำถูกต้องตามที่เคยปฏิบัติกันมาในการเลือกตั้งทุก ๆ ครั้ง ซึ่งทั้งหมดก็อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาวินิจฉัยว่าอย่างไร ซึ่งขณะนี้ทางศาลยังไม่มีการนัดหมายเพื่อดำเนินการในชั้นไต่สวนแต่อย่างใด
"ผมอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อสู้อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการข่มขู่ หรือการสร้างพยานเท็จ เพราะขณะนี้พอเรื่องมาถึงชั้นศาลก็พบว่ามีการคัดค้านตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้วบางส่วน โดยอ้างเหตุผลต่างๆ เช่น เคยยิ้มให้ เคยกินอาหารร้านเดียวกัน หรือเคยขึ้นเครื่องบินลำเดียวกันกับคณะทำงานของพรรคหรือคนของพรรค แล้วแต่ว่าเขาจะสรรหาเหตุผลมาอ้าง จึงเกรงว่าสุดท้ายแล้วคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้จะถูกคัดค้านทั้งชุด จนไม่ต้องทำหน้าที่กัน จึงอยากให้ทุกฝ่ายต่อสู้กันซึ่งหน้า ตามพยานหลักฐานและข้อกฎหมาย เพราะผมเชื่อว่า ความจริงที่สุดก็คือความจริง" นายนิพิฎฐ์ กล่าว