จาตุรนต์รับทราบข้อหาฝืนพรบ.ยันไม่ผิด

จาตุรนต์ เดินทางเข้าพบ พงส.สน.ลุมพินี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ตามคำสั่งของ ศอ.รส. เผย ไม่หนักใจ สามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้ ย้อน ทำไม นายกฯ ไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหาบ้าง

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคง กรณีขึ้นเวทีปราศรัยกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ตั้งแต่ บริเวณถนนราชดำเนิน จนกระทั้งถึงสี่แยกราชประสงค์ โดยในวันนี้ได้นำเอกสาร ซึ่งเป็น ซีดีบันทึกคำปราศรัยทุกครั้งที่ขึ้นเวที มาเป็นหลักฐานด้วย ทั้งนี้ ยังกล่าวด้วยว่า การเดินทางมาในวันนี้ ไม่ได้รู้สึกหนักใจและไม่ได้เตรียมหลักทรัพย์ใดมายื่นประกันตัว เพราะเชื่อว่าจะสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้ นอกจากเห็นว่า การขึ้นเวทีทุกครั้งนั้น เป็นความพยายามเรียกร้องให้เกิดประชาธิปไตยและห้ามไม่ให้นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรการรุนแรงเข้าทำร้ายประชาชน จึงเห็นว่า ตนเองไม่ควรถูกตั้งข้อกล่าวหาด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ควรเป็นบุคคลที่เจ้าหน้าที่ต้องตั้งข้อกล่าวหามากกว่าจากกรณีสั่งฆ่าประชาชน จนได้รับบาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่จนขณะนี้ เจ้าหน้าที่ ยังไม่ตั้งข้อกล่าวหาใด ๆ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการดำเนินการ 2 มาตรฐาน อย่างชัดเจน

ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ ยังเปิดเผยว่า รู้สึกหนักใจกับแผนปรองดองแห่งชาติของรัฐบาล เนื่องจาก มีการออกมาระบุว่า มีบุคคลที่ต้องการขัดขวางแผนการปรองดอง ซึ่งตนเห็นว่า ไม่มีใครขัดขวางการปรองดอง แต่เป็นเพราะแผนปรองดอง ไม่เคยมีอยู่จริง อีกทั้ง ยังเป็นการกระทำแบบเลือกปฏิบัติฝ่ายเดียว โดยมุ่งทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม คือ กลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งประชาชนที่มาเรียกร้อง เพื่อให้มีการยุบสภา แต่ นายกรัฐมนตรี กลับใช้มาตรการทางทหารเข้าดำเนินการ เพื่อออกมาประกาศว่าจะปรองดอง แต่ไม่ปรองดองกับผู้ก่อการร้าย ซึ่งคนที่ถูกกำหนดว่าเป็นผู้ก่อการร้าย คือนายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กำหนดขึ้นทั้งนั้น ความพยายามสร้างแผนปรองดอง จึงไม่ใช่ความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ นายจาตุรนต์ ยังกล่าวด้วยว่า นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ ( คอป.) เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ แต่เมื่อทำงานอยู่ภายใต้แผนการของรัฐบาล จึงไม่มีทางที่จะหาบุคคลที่กระทำผิดได้อย่างแท้จริง ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้สร้างความผิดหวังให้กับนานาชาติ เป็นอย่างมาก