ย้อน “ลัทธิแปลก” ตลอดครึ่งปี 2567 พร้อมไขข้อสงสัย “ทำไมถึงมีคนเชื่อลัทธิแปลก” เพราะแค่งมงายจริงหรอ์?
ตั้งแต่เริ่มปี 2567 เราจะเห็นได้ว่ามีข่าว “ลัทธิแปลก ๆ” โผล่ขึ้นมาให้เราเห็นกันรายวัน วันนี้ Sanook จึงอยากชวนทุกคนมาย้อนดูว่าตลอดครึ่งปีที่ผ่านมานี้ มีความเชื่อหรือลัทธิอะไรบ้างที่เกิดขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน พร้อมทั้งไขข้อสงสัยว่า “ทำไมคนถึงมีความเชื่อในลัทธิแปลก” เพราะงมงายหรือเปล่า จะเป็นอย่างไร ไปดูเลย
ลัทธิถวายตัวเพชรบูรณ์
เรียกได้ว่าตอนนี้กำลังเป็นที่พูดถึงกันในสังคมกับ “ลัทธิถวายตัวเพชรบูรณ์” หลังมีผู้เสียหาย 3 ราย เข้าร้องเรียนกับเพจดังว่า ตนถูกพระหลอกให้มีเซ็กซ์หมู่ โดยอ้างว่าเป็น “พิธีถวายตัว”
โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในจ.เพชรบูรณ์ เริ่มจากมีหญิงสาวคนหนึ่งเข้าไปปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ทำให้ได้เจอพระองค์นี้ ที่อ้างว่า หญิงสาวเป็นลูกในอดีตชาติ มีดวงผูกชะตากัน อีกทั้งพระองค์นี้ก็ได้ออกกลอุบายทักเธอว่าครอบครัวของเธอโดนเล่นของ ทำให้ชีวิตเธอจะไม่ราบรื่น พระจึงเสนอทำพิธีถอนของให้
หลังจากที่ทำพิธีแล้วชีวิตเธอก็ดีขึ้นจริง ๆ จึงเกิดความเชื่อและศรัทธาในตัวพระองค์นี้ และปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งนี้เป็นเวลากว่า 10 ปี ซึ่งในระหว่างปีนั้นเธอได้พบกับแฟนหนุ่มที่มาปฏิบัติธรรมด้วยเช่นกัน จึงตัดสินใจตกลงคบกันในเวลาต่อมา
จนมีวันหนึ่งพระดังกล่าว ใช้อุบายมาหลอกหญิงสาว ว่า มีอาการป่วย กำลังจะตาย เนื่องจากใช้พลังงานในการช่วยเหลือคนมากเกินไป ดูดเอาสิ่งไม่ดีจากเธอและเหล่าลูกศิษย์มากเกินไป จึงขอให้หญิงสาวและแฟนหนุ่มทำ “พิธีถวายตัว” เพื่อให้พระไม่เสียชีวิต เธอเคารพและศรัทธาในตัวพระองค์นี้มาก เนื่องจากพระได้ช่วยเธอมากมาย จึงยอมทำตามที่พระขอ
ซึ่ง “พิธีถวายตัว” คือการให้เธอและแฟนหนุ่มมีเพศสัมพันธ์ต่อหน้าพระ เพื่อเป็นการละซึ่งกิเลส ในทีแรกผู้เสียหายทั้งคู่ไม่ยอม แต่พระพยายามหว่านล้อม ด้วยการโทษว่าที่ป่วยใกล้ตายแบบนี้เพราะช่วยเหลือทั้งสอง จึงทำให้ผู้เสียหายต้องยินยอมทำตาม
ปรากฎว่าสุดท้ายพระองค์นี้ก็เข้ามามีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาว เนื่องจากฝ่ายแฟนหนุ่มไม่พร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์ต่อหน้าคนอื่น ภายหลังหญิงสาวและแฟนหนุ่มต้องทนทุกข์มีเพศสัมพันธ์กับพระ โดยมีลูกศิษย์คอยถ่ายวิดีโอ อ้างว่าจะนำไปบูชาเทพเจ้าในลัทธิวัชรยาน
ไม่เพียงเท่านั้นยังลามมาถึงการมีเซ็กซ์หมู่กับลูกศิษย์ของสำนักสงฆ์นี้ด้วย ซึ่งผู้เสียหายกล่าวว่าหนึ่งในนั้นมีผู้ที่เป็นตำรวจอยู่ด้วย ผู้เสียหายทนทุกข์กับเรื่องนี้มาสักพักหนึ่งจนเริ่มคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว จึงตัดสินใจไม่ไปยุ่งกับสำนักสงฆ์แห่งนี้อีก
ต่อมาอีก 2 ปีให้หลังจึงตัดสินใจออกมาบอกกับสังคมเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ไม่ให้หลงเชื่อ
ลัทธิเชื่อมจิต
เรียกได้เป็นอีกหนึ่งลัทธิที่เป็นที่พูดถึงในสังคมตั้งแต่เมื่อปลายปี 2566 กับเรื่องราวของลัทธืเชื่อมจิต ที่มีผู้นำลัทธิเป็นเด็กชายวัย 8 ขวบ
เรื่องราวของลัทธินี้เริ่มจากมีเด็กชาย 8 ขวบคนหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นร่างอวตารองค์เพชรภัทรนาคานาคราช โดยมีความสามารถในการ “เชื่อมจิต” และ “หยั่งรู้” เรื่องต่าง ๆ ในโลก ทั้งในอดีตและอนาคต
อีกทั้งพ่อแม่ของเด็กคนนี้ยังเล่าเรื่องราวความศักดิ์สิทธิของลูกชายให้ผู้ติดตามทางโซเชียล และผู้ที่รวมเดินทางไปฟังคำสอนตามจังหวัดต่าง ๆ ได้รับทราบ บอกเล่าว่าเด็กชายคนนี้ป็นเทพจุติลงมา หรือสติปัญญาที่มากพอจะสอนให้พ่อแม่นั่งสมาธิตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ
โดยลัทธินี้ในตอนแรกได้จัดกิจกรรม ‘เผยแผ่ธรรมะ’ บนโลกออนไลน์ เป็นเวลากว่า 3 ปี ภายหลังได้เริ่มมีจัดกิจกรรมออนไซต์ เช่น การสนทนาธรรม กิจกรรมเชื่อมจิต คอร์สอบรมต่างๆ โดยแต่ละคอร์สจะมีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน โดยเริ่มตั้งแต่ราคา 1,900 บาท และมีบวกค่าอื่น ๆ เข้าไปอีก
ลัทธินี้มาเป็นประเด็นเมื่อมีอดีตผู้ศรัทธาออกมาเผยว่า ถูกเตะออกจากโอเพ่นแชท เพราะถามถึงความโปร่งใสและปลายทางของเงินรายได้ลัทธินี้ เนื่องจากบัญชีปลายทางที่ใช้รับเงินทั้งหมดนี้ ไม่ใช่บัญชีที่จัดทำขึ้นในฐานะองค์กรหรือมูลนิธิ แต่เป็นในนามของนายแพทย์รายหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกเฉพาะทางด้านการพัฒนาเด็ก
หลังจากเรื่องราวนี้เผยแพร่ออกไปคนในสังคมต่างสังคมวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม และตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการ “ใช้เด็กเป็นเครื่องมือทำมาหากินหรือไม่”
ปัจจุบัน (14 มิ.ย.67) เรื่องราวของกลุ่มเชื่อมจิตยังคงเป็นที่จับตามองในสังคม ลามไปถึงเป็นประเด็นดคีฟ้องร้องกับพิธีกรชื่อดังอย่าง “หนุ่ม กรรชัย”
- สรุปเหตุการณ์ สน.ทองหล่อ หนุ่ม กรรชัย vs เชื่อมจิต ตะโกนท้า-ชุลมุน เขามีเรื่องอะไรกัน
- “หนุ่ม กรรชัย” ตอบแบบเปิดใจ! เพราะอะไร ถึงไม่ยอมปล่อยประเด็นเชื่อมจิต
ลัทธิคลื่นพลังบุญ
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในจังหวัดอุดรธานี โดยมี “น้องหญิง” และ “อาจารย์” ร่วมกันเปิดแดนธรรมสุขขาววะดี โดยอ้างว่าสามารถรักษาโรคได้หายแทบทุกโรค ไม่เว้นแม้แต่โรคมะเร็ง โดยผ่านการเป็นฌาณของพระพุทธเจ้า
ในการรักษาทั้งคู่อ้างว่า รักษาไปตามขั้นตอนที่ฌาณลง ซึ่งเป็นฌาณของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ คือ พระกุสตะสัญโค, พระโกนาคามะโน, พระกัตตะโพ, พระโคตะโม และพระศรีอริยเมตรัย ทั้งสองมีจิตเดียวกันช่วยกันรักษา โดย น้องหญิง “มีหูทิพย์ ตาทิพย์” ใช้สื่อสารกับเบื้องบน เพื่อส่งสารมาให้อาจารย์ ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยหากจริงอาจารย์จะมี “เสียงสะอึก” ออกมา
ซึ่งมีชาวบ้านหลายคนเชื่อและเข้าร่วมการรักษากับลัทธินี้ โดยมีแพทย์รายหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองหลายปี รักษาเท่าไรก็ไม่หาย แต่มารักษาที่แดนธรรมสุขขาววะดี ก็หายดี จึงศรัทธา
อย่างไรก็ตามสังคมต่างวิพากย์วิจารณ์กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าเป็นเพียงแค่การหลอกลวงหรือไม่
ทำไมคนถึงเชื่อในลัทธิ?
หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจเกิดความสงสัยว่าทำไมคนถึงเลือกเชื่อลัทธิเหล่านี้ ทั้ง ๆ ที่มองยังไงก็ดูเป็นเรื่องแปลก ไม่น่าเชื่อถือได้ บางคนก็อาจกล่าวโทษคนเหล่านี้ที่เชื่อในลัทธิว่าเป็นคนงมงาย โง่ให้เขาหลอก อย่างไรก็ตามหากลองมองให้ลึกดูอีกทีจะเห็นได้ว่ามันมีคำอธิบายเรื่องนี้มากกว่าคำว่า “โง่” หรือ “งมงาย” นะ
โดยเว็บไซต์ Business Insider ได้อธิบายถึงเหตุผลที่ทำให้คนเชื่อในลัทธิต่าง ๆ ผ่านบทสัมภาษณ์ของ ‘ราเชล เบิร์นสไตน์ (Rachel Bernstein)’ นักบำบัด ที่รักษาผู้ที่เคยเข้าร่วมในกลุ่มลัทธิแปลก โดยระบุเหตุผล ดังนี้
1. เพราะ “อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น” ทั้งด้านอาชีพ และชีวิตส่วนตัว
ราเชล อธิบายว่า โดยปกติแล้ว ‘ลัทธิ’ ต่าง ๆ มักสร้างภาพลักษณ์ให้ดูเหมือนสร้างมาเพื่อส่งเสริมให้ชีวิตของคนดีขึ้น ทั้งทางร่างกายและจิตใจ จึงทำให้ดึงดูดคนที่อยากพัฒนาตัวเอง อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ให้คล้อยตาม และหลงเชื่อในที่สุด
เธอเน้นย้ำว่า คนที่จะคล้อยตามกับลัทธิได้ง่าย มักเป็นผู้ที่มีแผลใจในวัยเด็ก ต้องการหลุดพ้นจากความทรงจำร้าย ๆ ในอดีต รวมไปถึงผู้ที่มีความรู้สึกอยากที่จะสำเร็จในหน้าที่การงานอีกด้วย
2.เพราะอยู่ในช่วงเวลาที่ "อ่อนแอ"
ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนหลายคนเลือกตัดสินใจเข้าลัทธิ เธอระบุว่า อดีตผู้ป่วยที่เคยได้รับการบำบัดจากเธอส่วนใหญ่มักกล่าวว่า “พวกเขาคงไม่คิดที่จะเข้าร่วมลัทธิ หากในตอนนั้นไม่ได้อยู่ในช่วงที่อ่อนแอหรือประสบความยากลำบากอยู่”
นอกจากนี้เมื่อสืบค้นเรื่องนี้เพิ่มเติม พบว่านักจิตวิทยาอย่าง 'สตีเว่น เอ ฮัสซัน (Steven A Hassan)' ก็เห็นตรงกันกับเรื่องนี้
โดยในเว็บไซต์ Psychology Today สตีเว่น ได้ระบุว่า “ไม่มีใครที่เข้าไปในลัทธิด้วยความสมัครใจจริง ๆ มีแต่คนที่ถูกชักชวนในตอนที่กำลังอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอ หรือยากลำบาก"
สตีเว่น ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สภาวะอ่อนแอทางจิตใจของแต่ละบุคคล อาจเกิดขึ้นจากการป่วย การเสียชีวิตของคนที่รัก การเลิกรา หรือการสูญเสียงาน
ซึ่งตัวอย่างนี้เห็นได้ง่าย ๆ จากการที่ลัทธิส่วนใหญ่มักเคลมว่า “สามารถรักษาได้ทุกโรค” ซึ่งทำให้คนที่รู้สึกหมดหวังในการรักษา เกิดเชื่อลัทธิขึ้นมาได้
เป็นอย่างไรกันบ้างกับลัทธิแปลก ๆ ในครึ่งปี 2567 มีเรื่องให้ตกใจกันมากมายเลยใช่ไหม อย่างไรก็ตามนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของลัทธิที่ปรากฏให้เห็นในข่าวเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วในสังคมของเราอาจมีลัทธิอีกมากมายที่เรายังไม่ทราบ ดังนั้นหากใครเจอคนชักชวนให้เข้าลัทธิหรือเชื่ออะไรแปลก ๆ ก็ต้องใช้วิจารณญาณก่อนเลือกที่จะเชื่อนะ