ย้อน “ลัทธิแปลก” ตลอดครึ่งปี 2567 พร้อมไขข้อสงสัย “ทำไมถึงมีคนเชื่อลัทธิแปลก” เพราะแค่งมงายจริงหรอ์?

ย้อน “ลัทธิแปลก” ตลอดครึ่งปี 2567 พร้อมไขข้อสงสัย “ทำไมถึงมีคนเชื่อลัทธิแปลก” เพราะแค่งมงายจริงหรอ์?

ย้อน “ลัทธิแปลก” ตลอดครึ่งปี 2567 พร้อมไขข้อสงสัย “ทำไมถึงมีคนเชื่อลัทธิแปลก” เพราะแค่งมงายจริงหรอ์?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตั้งแต่เริ่มปี 2567 เราจะเห็นได้ว่ามีข่าวลัทธิแปลก ๆ” โผล่ขึ้นมาให้เราเห็นกันรายวัน วันนี้ Sanook จึงอยากชวนทุกคนมาย้อนดูว่าตลอดครึ่งปีที่ผ่านมานี้ มีความเชื่อหรือลัทธิอะไรบ้างที่เกิดขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน พร้อมทั้งไขข้อสงสัยว่า “ทำไมคนถึงมีความเชื่อในลัทธิแปลก” เพราะงมงายหรือเปล่า จะเป็นอย่างไร ไปดูเลย

ลัทธิถวายตัวเพชรบูรณ์

เรียกได้ว่าตอนนี้กำลังเป็นที่พูดถึงกันในสังคมกับ “ลัทธิถวายตัวเพชรบูรณ์” หลังมีผู้เสียหาย 3 ราย เข้าร้องเรียนกับเพจดังว่า ตนถูกพระหลอกให้มีเซ็กซ์หมู่ โดยอ้างว่าเป็น “พิธีถวายตัว” 

โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในจ.เพชรบูรณ์ เริ่มจากมีหญิงสาวคนหนึ่งเข้าไปปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ทำให้ได้เจอพระองค์นี้ ที่อ้างว่า หญิงสาวเป็นลูกในอดีตชาติ มีดวงผูกชะตากัน อีกทั้งพระองค์นี้ก็ได้ออกกลอุบายทักเธอว่าครอบครัวของเธอโดนเล่นของ ทำให้ชีวิตเธอจะไม่ราบรื่น พระจึงเสนอทำพิธีถอนของให้ 

หลังจากที่ทำพิธีแล้วชีวิตเธอก็ดีขึ้นจริง ๆ จึงเกิดความเชื่อและศรัทธาในตัวพระองค์นี้ และปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งนี้เป็นเวลากว่า 10 ปี ซึ่งในระหว่างปีนั้นเธอได้พบกับแฟนหนุ่มที่มาปฏิบัติธรรมด้วยเช่นกัน จึงตัดสินใจตกลงคบกันในเวลาต่อมา

จนมีวันหนึ่งพระดังกล่าว ใช้อุบายมาหลอกหญิงสาว ว่า มีอาการป่วย กำลังจะตาย เนื่องจากใช้พลังงานในการช่วยเหลือคนมากเกินไป ดูดเอาสิ่งไม่ดีจากเธอและเหล่าลูกศิษย์มากเกินไป จึงขอให้หญิงสาวและแฟนหนุ่มทำ “พิธีถวายตัว” เพื่อให้พระไม่เสียชีวิต เธอเคารพและศรัทธาในตัวพระองค์นี้มาก เนื่องจากพระได้ช่วยเธอมากมาย จึงยอมทำตามที่พระขอ

ซึ่ง “พิธีถวายตัว” คือการให้เธอและแฟนหนุ่มมีเพศสัมพันธ์ต่อหน้าพระ เพื่อเป็นการละซึ่งกิเลส ในทีแรกผู้เสียหายทั้งคู่ไม่ยอม แต่พระพยายามหว่านล้อม ด้วยการโทษว่าที่ป่วยใกล้ตายแบบนี้เพราะช่วยเหลือทั้งสอง จึงทำให้ผู้เสียหายต้องยินยอมทำตาม 

ปรากฎว่าสุดท้ายพระองค์นี้ก็เข้ามามีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาว เนื่องจากฝ่ายแฟนหนุ่มไม่พร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์ต่อหน้าคนอื่น ภายหลังหญิงสาวและแฟนหนุ่มต้องทนทุกข์มีเพศสัมพันธ์กับพระ โดยมีลูกศิษย์คอยถ่ายวิดีโอ อ้างว่าจะนำไปบูชาเทพเจ้าในลัทธิวัชรยาน 

ไม่เพียงเท่านั้นยังลามมาถึงการมีเซ็กซ์หมู่กับลูกศิษย์ของสำนักสงฆ์นี้ด้วย ซึ่งผู้เสียหายกล่าวว่าหนึ่งในนั้นมีผู้ที่เป็นตำรวจอยู่ด้วย ผู้เสียหายทนทุกข์กับเรื่องนี้มาสักพักหนึ่งจนเริ่มคิดว่ามันไม่ใช่แล้ว จึงตัดสินใจไม่ไปยุ่งกับสำนักสงฆ์แห่งนี้อีก 

ต่อมาอีก 2 ปีให้หลังจึงตัดสินใจออกมาบอกกับสังคมเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ไม่ให้หลงเชื่อ 

ลัทธิเชื่อมจิต

เรียกได้เป็นอีกหนึ่งลัทธิที่เป็นที่พูดถึงในสังคมตั้งแต่เมื่อปลายปี 2566 กับเรื่องราวของลัทธืเชื่อมจิต ที่มีผู้นำลัทธิเป็นเด็กชายวัย 8 ขวบ 

เรื่องราวของลัทธินี้เริ่มจากมีเด็กชาย 8 ขวบคนหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นร่างอวตารองค์เพชรภัทรนาคานาคราช โดยมีความสามารถในการ “เชื่อมจิต” และ “หยั่งรู้” เรื่องต่าง ๆ ในโลก ทั้งในอดีตและอนาคต 

อีกทั้งพ่อแม่ของเด็กคนนี้ยังเล่าเรื่องราวความศักดิ์สิทธิของลูกชายให้ผู้ติดตามทางโซเชียล และผู้ที่รวมเดินทางไปฟังคำสอนตามจังหวัดต่าง ๆ ได้รับทราบ บอกเล่าว่าเด็กชายคนนี้ป็นเทพจุติลงมา หรือสติปัญญาที่มากพอจะสอนให้พ่อแม่นั่งสมาธิตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ

โดยลัทธินี้ในตอนแรกได้จัดกิจกรรม ‘เผยแผ่ธรรมะ’ บนโลกออนไลน์ เป็นเวลากว่า 3 ปี ภายหลังได้เริ่มมีจัดกิจกรรมออนไซต์ เช่น การสนทนาธรรม กิจกรรมเชื่อมจิต คอร์สอบรมต่างๆ โดยแต่ละคอร์สจะมีค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน โดยเริ่มตั้งแต่ราคา 1,900 บาท และมีบวกค่าอื่น ๆ เข้าไปอีก 

ลัทธินี้มาเป็นประเด็นเมื่อมีอดีตผู้ศรัทธาออกมาเผยว่า ถูกเตะออกจากโอเพ่นแชท เพราะถามถึงความโปร่งใสและปลายทางของเงินรายได้ลัทธินี้ เนื่องจากบัญชีปลายทางที่ใช้รับเงินทั้งหมดนี้ ไม่ใช่บัญชีที่จัดทำขึ้นในฐานะองค์กรหรือมูลนิธิ แต่เป็นในนามของนายแพทย์รายหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกเฉพาะทางด้านการพัฒนาเด็ก 

หลังจากเรื่องราวนี้เผยแพร่ออกไปคนในสังคมต่างสังคมวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม และตั้งข้อสงสัยว่าเป็นการ “ใช้เด็กเป็นเครื่องมือทำมาหากินหรือไม่” 

ปัจจุบัน (14 มิ.ย.67) เรื่องราวของกลุ่มเชื่อมจิตยังคงเป็นที่จับตามองในสังคม ลามไปถึงเป็นประเด็นดคีฟ้องร้องกับพิธีกรชื่อดังอย่าง “หนุ่ม กรรชัย”

ลัทธิคลื่นพลังบุญ

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในจังหวัดอุดรธานี โดยมี “น้องหญิง” และ “อาจารย์” ร่วมกันเปิดแดนธรรมสุขขาววะดี โดยอ้างว่าสามารถรักษาโรคได้หายแทบทุกโรค ไม่เว้นแม้แต่โรคมะเร็ง โดยผ่านการเป็นฌาณของพระพุทธเจ้า

ในการรักษาทั้งคู่อ้างว่า รักษาไปตามขั้นตอนที่ฌาณลง ซึ่งเป็นฌาณของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ คือ พระกุสตะสัญโค, พระโกนาคามะโน, พระกัตตะโพ, พระโคตะโม และพระศรีอริยเมตรัย ทั้งสองมีจิตเดียวกันช่วยกันรักษา โดย น้องหญิง “มีหูทิพย์ ตาทิพย์” ใช้สื่อสารกับเบื้องบน เพื่อส่งสารมาให้อาจารย์ ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ โดยหากจริงอาจารย์จะมี “เสียงสะอึก” ออกมา

ซึ่งมีชาวบ้านหลายคนเชื่อและเข้าร่วมการรักษากับลัทธินี้ โดยมีแพทย์รายหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองหลายปี รักษาเท่าไรก็ไม่หาย แต่มารักษาที่แดนธรรมสุขขาววะดี ก็หายดี จึงศรัทธา

อย่างไรก็ตามสังคมต่างวิพากย์วิจารณ์กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าเป็นเพียงแค่การหลอกลวงหรือไม่ 

ทำไมคนถึงเชื่อในลัทธิ?

หลายคนอ่านมาถึงตรงนี้อาจเกิดความสงสัยว่าทำไมคนถึงเลือกเชื่อลัทธิเหล่านี้ ทั้ง ๆ ที่มองยังไงก็ดูเป็นเรื่องแปลก ไม่น่าเชื่อถือได้ บางคนก็อาจกล่าวโทษคนเหล่านี้ที่เชื่อในลัทธิว่าเป็นคนงมงาย โง่ให้เขาหลอก อย่างไรก็ตามหากลองมองให้ลึกดูอีกทีจะเห็นได้ว่ามันมีคำอธิบายเรื่องนี้มากกว่าคำว่า “โง่” หรือ “งมงาย” นะ 

โดยเว็บไซต์ Business Insider ได้อธิบายถึงเหตุผลที่ทำให้คนเชื่อในลัทธิต่าง ๆ ผ่านบทสัมภาษณ์ของ ‘ราเชล เบิร์นสไตน์ (Rachel Bernstein)’ นักบำบัด ที่รักษาผู้ที่เคยเข้าร่วมในกลุ่มลัทธิแปลก โดยระบุเหตุผล  ดังนี้

1. เพราะ “อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น” ทั้งด้านอาชีพ และชีวิตส่วนตัว

ราเชล อธิบายว่า โดยปกติแล้ว ‘ลัทธิ’ ต่าง ๆ มักสร้างภาพลักษณ์ให้ดูเหมือนสร้างมาเพื่อส่งเสริมให้ชีวิตของคนดีขึ้น ทั้งทางร่างกายและจิตใจ จึงทำให้ดึงดูดคนที่อยากพัฒนาตัวเอง อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ให้คล้อยตาม และหลงเชื่อในที่สุด

เธอเน้นย้ำว่า คนที่จะคล้อยตามกับลัทธิได้ง่าย มักเป็นผู้ที่มีแผลใจในวัยเด็ก ต้องการหลุดพ้นจากความทรงจำร้าย ๆ ในอดีต รวมไปถึงผู้ที่มีความรู้สึกอยากที่จะสำเร็จในหน้าที่การงานอีกด้วย

2.เพราะอยู่ในช่วงเวลาที่ "อ่อนแอ"

ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนหลายคนเลือกตัดสินใจเข้าลัทธิ เธอระบุว่า อดีตผู้ป่วยที่เคยได้รับการบำบัดจากเธอส่วนใหญ่มักกล่าวว่า “พวกเขาคงไม่คิดที่จะเข้าร่วมลัทธิ หากในตอนนั้นไม่ได้อยู่ในช่วงที่อ่อนแอหรือประสบความยากลำบากอยู่” 

นอกจากนี้เมื่อสืบค้นเรื่องนี้เพิ่มเติม พบว่านักจิตวิทยาอย่าง 'สตีเว่น เอ ฮัสซัน (Steven A Hassan)' ก็เห็นตรงกันกับเรื่องนี้ 

โดยในเว็บไซต์ Psychology Today สตีเว่น ได้ระบุว่า “ไม่มีใครที่เข้าไปในลัทธิด้วยความสมัครใจจริง ๆ มีแต่คนที่ถูกชักชวนในตอนที่กำลังอยู่ในสภาวะที่อ่อนแอ หรือยากลำบาก" 

สตีเว่น ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สภาวะอ่อนแอทางจิตใจของแต่ละบุคคล อาจเกิดขึ้นจากการป่วย การเสียชีวิตของคนที่รัก การเลิกรา หรือการสูญเสียงาน

ซึ่งตัวอย่างนี้เห็นได้ง่าย ๆ จากการที่ลัทธิส่วนใหญ่มักเคลมว่า “สามารถรักษาได้ทุกโรค” ซึ่งทำให้คนที่รู้สึกหมดหวังในการรักษา เกิดเชื่อลัทธิขึ้นมาได้ 

เป็นอย่างไรกันบ้างกับลัทธิแปลก ๆ ในครึ่งปี 2567 มีเรื่องให้ตกใจกันมากมายเลยใช่ไหม อย่างไรก็ตามนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของลัทธิที่ปรากฏให้เห็นในข่าวเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วในสังคมของเราอาจมีลัทธิอีกมากมายที่เรายังไม่ทราบ ดังนั้นหากใครเจอคนชักชวนให้เข้าลัทธิหรือเชื่ออะไรแปลก ๆ ก็ต้องใช้วิจารณญาณก่อนเลือกที่จะเชื่อนะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook